จริงหรือไม่ รถเสียบนถนนต้องถูกใบสั่ง?

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ขับรถไปตามปกติบนถนน แต่ด้วยความซวยมาเยือนเมื่อรถเกิดอาการเสียกลางถนน ไม่สามารถขยับหลีกเข้าข้างทางได้ จอดเสียค้างอยู่ทางด้านเลนขวาสุด แต่แล้วเมื่อมีตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ กลับถูกต่อว่า ว่าเป็นต้นเหตุทำให้รถติด แล้วเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเข้าอีกด้วย หญิงสาวเจ้าของรถจึงได้อัดคลิปแล้วโพสต์ขึ้น Social Media ขงอตัวเองพร้อมกับตั้งคำถามว่า กฎหมายแบบนี้มีด้ว

เมื่อพลิกไปเปิดดูพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้ระบุเอาไว้ใน ลักษณะ 1 การใช้รถ หมวด 1 ลักษณะของรถที่ใช้ในทาง มาตรา 6 ระบุเอาไว้ว่า ""ห้ามมิให้ผู้ใดนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรืออาจเกิดอันตราย หรืออาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้ คนโดยสารหรือประชาชนมาใช้ในทางเดินรถ รถที่ใช้ในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องจัดให้มีเครื่องยนต์ เครื่องอุปกรณ์และหรือส่วนควบที่ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่ง กฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน กฎหมายว่าด้วยรถลาก หรือกฎหมายว่าด้วยรถจ้าง และใช้การได้ดีสภาพของรถที่อาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยตามวรรคหนึ่งและวิธีการทดสอบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง" ถ้าให้แปลความหมายแบบชาวบ้านก็หมายถึงว่า ในฐานเจ้าของรถ ที่ถูกนำมาใช้งานบนถนน จะต้องดูแลรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ทุกอย่างต้องใช้งานได้ตามปกติ ไม่มีอาการเสียเกิดขึ้นบนท้องถนน ดังนั้นถ้าเอาการตีความกฎหมายเป๊ะๆ การที่เราทำรถเสียบนถนนแล้วทำให้รถติด ที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต หรือเสียหายต่อหน้าที่การงาน หรืออื่น ๆ ที่เกิดเหตุจากรถติด ที่เจ้าของรถเป็นต้นเหตุ ก็สามารถเอาผิดได้จริง ๆ แต่... จากการให้สัมภาษณ์ของพลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า ตำรวจเองก็ควรต้องพิจารณาจากความเป็นจริงว่า เหตุที่เกิดนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้ารถเขาอยู่ในสภาพที่ยังดีอยู่ และดูแล้วก็น่าจะใช้งานได้ดี น่าจะทำการช่วยเหลือมากกว่าการไปซ้ำเติมประชาชน แต่ถ้าเกิดรถที่เสีย มันดูสภาพทรุดโทรมมาก จนไม่น่าจะวิ่งบนถนนได้จริง ค่อยพิจารณาออกใบสั่งอีกที ดังนั้นจึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายๆไปนั่นเอง ดังนั้นถ้าถามว่า รถเสียแล้วผิดกฎหมายหรือไม่ สรุปว่าผิดจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจควรต้องพิจารณาให้เหมาะสมในการออกหรือไม่ออกใบสั่งด้วยนั่นเองครับ

ข้อมูลจาก krisdika.go.th