วิเคราะห์เบื้องต้น กับอาการรถสตาร์ทไม่ติด
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 28 ธ.ค. 61 00:00
- 63,394 อ่าน
รถเสีย เป็นเรื่องปกติของการใช้งานรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใหม่หรือรถมือสอง ก็มีโอกาสเสียได้ทั้งนั้น โดยอาการยอดนิยมที่เจอกันบ่อยมากก็คือ อาการรถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาการนี้ ก็มีได้หลากหลายสาเหตุ แต่เราก็พอจะประเมินด้วยตัวเองเบื้องต้นได้ และบางอาการก็แก้ไขได้ด้วยตัวเอง ส่วนจะมีอะไรบ้าง ลองมาหาคำตอบกัน
บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนดี แต่ไม่ติด
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหมุนกุญแจ แล้วเครื่องยนต์ก็เหมือนจะหมุนได้ดี แต่หมุนนานเท่าไหร่มันก็ไม่ติดสักที อาการนี้ส่วนใหญ่แล้วมาจากไม่มีน้ำมันจ่ายไปที่ห้องจุดระเบิด อย่างแรกที่ควรเช็กดูก่อนก็คือน้ำมันคงเหลือในถัง ถ้ามันถึงตัวแดงแล้ว ก็สันนิษฐานเอาไว้ได้ก่อนเลยว่า น้ำมันในถังได้หมดลงแล้ว สตาร์ทให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางติดขึ้นมาได้ ต้องหาทางไปเอาน้ำมันมาเติมแล้วค่อยสตาร์ทใหม่อีกครั้ง แต่บางทีถ้าโชคร้ายเจออาการลูกลอยค้าง อาจจะทำให้เราเห็นว่ายังมีน้ำมันอยู่ แต่ความจริงแล้วมันหมดไปแล้ว ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันครับ
ส่วนอีกอาการที่อาจจะเป็นไปได้ ก็คืออาการปั๊มติ๊กเสีย เพราะปั๊มติ๊กจะทำหน้าที่ในการส่งน้ำมันจากถังวิ่งเข้าสู่หัวฉีดอีกที ถ้าปั๊มไม่ทำงาน น้ำมันก็ไม่มีเข้าไปจุดระเบิด สตาร์ทก็ไม่ติดอยู่ดีครับ
อีกอาการที่เป็นได้เหมือนกันก็คือไฟไม่จ่ายไปที่ห้องจุดระเบิด อาจจะเกิดจากหัวเทียนบอด (ส่วนใหญ่ต้องบอดเกือบทั้งหมดถึงจะไม่ติด) หรือสายไฟหัวเทียนนำไฟไม่ได้ ก็เป็นไปได้เช่นกันครับ
บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเอื่อย
ถ้าเราบิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนเอื่อย หมุนเบากว่าตอนที่เคยใช้งานได้ปกติ อาการแรกที่ต้องนึกถึงคือแบตเตอรี่เหลือไฟน้อย อาจจะมาจากที่เราเปิดไฟใหญ่ทิ้งเอาไว้ทั้งคืน, ในรถมีอาการไฟรั่ว หรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ให้ลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นดู ถ้าพ่วงแล้วเครื่องหมุนดี สตาร์ทติดได้ตามปกติ ชัดเจนว่าปัญหามาจากแบตเตอรี่แน่นอน ถ้าเช็คดูแล้วเปิดไฟหน้าทิ้งไว้ทั้งคืน ก็ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยน เพียงแต่อย่าลืมเปิดทิ้งไว้ก็พอ แต่ถ้าไม่ได้เปิดอะไรไว้ แต่แบตเตอรี่ใช้งานมาเกิน 1 ปีแล้ว ก็เตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ได้เลยครับ แต่ถ้ารู้สึกว่าเปลี่ยนแบตมาได้ไม่นาน ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีไฟรั่วในรถ ตรวจสอบได้ด้วยการนำรถเข้าไปตรวจสอบที่อู่หรือศูนย์บริการครับ ถ้ามีไฟรั่ว จะต้องหาจุดที่รั่วให้เจอแล้วทำการแก้ไขครับ แต่ถ้าไม่มีไฟรั่ว ก็ให้ลองจอดดูอีกคืน ว่าจะสตาร์ทไม่ติดอีกหรือไม่ ถ้าไม่ติด ก็แสดงว่าเป็นที่แบตเตอรี่แล้วล่ะครับ
แต่ในกรณีที่พ่วงแล้วเครื่องยังหมุนช้า แสดงว่าไดร์สตาร์ทเริ่มล้า ถึงคราวอวสานแล้วล่ะครับ
บิดกุญแจแล้วเครื่องไม่หมุนเลย
ถ้าเราหมุนกุญแจแล้วเครื่องไม่หมุนเลย อย่างแรกที่ให้สังเกตุก่อนก็คือ ที่หน้าปัดมีไฟแสดงปกติไหม ถ้าไม่มีไฟอะไรแสดงเลย ให้ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ที่หน้ากระโปรงดูก่อน เพราะเป็นไปได้ว่าขั้วแบตเตอรี่อาจจะมีการหลุดหรือหลวมได้ครับ แต่ถ้ามีไฟอยู่ ให้ดูที่เกียร์ก่อนครับ ว่าอยู่ในตำแหน่ง P หรือ N อยู่หรือเปล่า และสำหรับรุ่นใหม่บางรุ่น เราจะต้องเหยียบเบรกก่อน ถึงจะทำการสตาร์ทรถได้ครับ ถ้าไม่เหยียบ รถก็ไม่สตาร์ทให้เช่นกัน (สำหรับเกียร์ธรรมดา ให้ใช้วิธีการเหยียบคลัทช์) แต่ถ้าทำทุกอย่างเหมือนปกติแล้ว เครื่องยังไม่หมุนอีก แทบจะชี้ปัญหาไปที่ไดสตาร์ทได้เลยครับ น่าจะเสียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เข้าอู่เพื่อเปลี่ยนได้เลยครับ
กรณีที่เราสตาร์ทรถไม่ติด ให้ลองวิเคราะห์เบื้องต้นตามนี้ดูก่อนครับ แต่ถ้าลองแก้ปัญหาเบื้องต้นแล้วก็ยังไม่ติดอีก คงต้องถึงมือช่างผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะครับ เพราะสาเหตุอาจจะลึกลับซับซ้อนมากกว่านี้
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com