เครื่องแรงไม่เกี่ยวยุคนี้เกียร์ดีอย่างเดียวก็เกินพอ ...

  • โดย : Autodeft
  • 26 ก.ค. 59 00:00
  • 27,863 อ่าน

เมื่อมองรถยนต์ที่เปิดตัวออกมาวางจำหน่ายในยุคนี้ ก็คงต้องยอมรับมากขึ้นว่าความทันสมัยของรถยนต์ก้าวล้ำไปอีกขั้น พวกมันมีฟังชั่นใช้งานที่ครบครันมากกว่ารถยนต์ในอดีต มากมายเช่นเดียวกับสมรรถนะในการขับขี่ที่ลงตัวมากขึ้นทั้งเรื่องความแรงที่ต้องเร่งแซงมาพร้อมความประหยัด

[IMAGE1]

ข้อเท็จจริงหนึ่งเมื่อกล่าวถึงสมรรถนะในการขับขี่คงหลีกไม่พ้นเครื่องยนต์ในปัจจุบันจะต้องทำตามกฎต่างๆอันเข้มงวดทั่วทุกมุมโลก ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์ถูกพัฒนาไปไกลมากขึ้น และนับวันพวกมันจะมีขนาดย่อส่วนเล็กลง หากก็แฝงด้วยพิษสงจากพลังขับเคลื่อนเทอร์โบชาร์จ ที่จะปั้นให้บล็อกเล็กเหล่านี้มีกำลังแรงมากยิ่งขึ้น ทว่าเมื่อเครื่องยนต์เล็กลงพวกมันก็มาพร้อมข้อขบคิดใหม่ว่า พวกมันจะขับทางยาวให้ดีได้อย่างไร เพราะลูกค้าทุกคนล้วนมีกิจวัตรที่หลากหลายแตกต่างกัน

ปัญหาดังกล่าวมีทางออก นั่นเป็นที่มาของการพัฒนาระบบเกียร์ใหม่ๆ  เข้ามาตอบโจทย์ในการขับขี่มากยิ่งขึ้น  บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำทั้งหลายต่างเร่งพัฒนาระบบส่งกำลังไปตามเทรนด์เครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งต้องการการตอบสนองที่ดีขึ้น และมันคือคู่หูสำคัญในการพัฒนา

 

ทำไมต้องกียร์อัตราทดมาก ขึ้น

ปัจจุบันภายใต้แนวทางการพัฒนาระบบเกียร์รุ่นใหม่จากบริษัทรถยนต์หลายเจ้า เราจะเห็นได้ว่าพวกเขา เริ่มมีการใช้ระบบเกียร์ที่มีอัตราทดมากมายหลายจังหวะมากขึ้น  ... กว่าดั้งเดิมที่เรารู้จักกันดี โดยเฉพาะระบบเกียร์อัตโนมัติ เมื่อ   5-6  ปีที่แล้ว เราอาจจะยังเห็นระบบเกียร์   4-5   สปีด แต่ปัจจุบัน ระบบเกียร์ยุคใหม่ เพิ่มอัตราทดเกียร์มากขึ้นเป็น เท่าตัว    ชุดเกียร์  6  สปีด ดูจะเป็นมาตรฐานใหม่ และถ้าพิเศษกว่านั้นระบบส่งกำลังแบบ  8  สปีด หรือกระทั่ง   9  สปีด อาจจะทำให้เพื่อนๆ คิดว่ามันจะมากไปไหนกันเชียว

อัตราทดเกียร์มากอาจจะทำให้หลายคนสงสัยไม่น้อยว่าทำไม บริษัทรถยนต์ ต้องทำอัตราทดเกียร์มากมายอะไรขนาดนั้น แล้วพวกเราจะใช้เกียร์เหล่านี้หมดบนถนนในประเทศไทย ที่ไม่ได้วิ่งทางยาวแบบในต่างประเทศหรือเปล่า

[IMAGE2]

คำตอบของอัตราทดเกียร์มากจนเหลือเกินในบางความรู้สึกนั้นอยู่ที่ การสร้างอัตราเร่งให้รถมีอัตราการออกตัวดีขึ้นในเวลาขับขี่ในความเร็วต่ำและความเร็วสูง ส่วนจำนวนเกียร์ที่มากขึ้นกว่าเดิมนั้นมีประโยชน์เพื่อสร้างอัตราทดเกียร์ต่ำ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์ได้มากขึ้น เมื่อนำเครื่องยนต์ขนาดเดียวบล็อกเดียวกันมาติดตั้งกับชุดเกียร์ที่ต่างกัน

นาย เครก เรเนเคอร์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบส่งกำลังของ ฟอร์ด ออกมาเปิดเผยกับทาง   Popular Mechanics  ว่า  ยิ่งเกียร์มีจำนวนมากเท่าไรยิ่งทำให้การกระจายกำลังเครื่องยนต์มีมากขึ้นเท่านั้น ในชุดเกียร์อัตราทดต่ำในช่วงเกียร์จะยิ่งทำให้รถมีอัตราประหยัดมากขึ้น และในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ก็สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมได้

“เทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ชุดเกียร์มีความสามารถมากขึ้น ถ้าเมื่อ 5  ปีที่แล้วผมคงจะบอกว่า ไม่สำหรับระบบเกียร์  8   สปีด ยิ่งเกียร์มากก็ต้องใช้ชุดคลัทช์มากตามไปด้วย แต่ปัจจุบันระบบเกียร์ใหม่ มีการออกแบบทันสมัยมากขึ้น มันจึงไปด้วยกันได้ และที่สำคัญสามารถทำให้เครื่องยนต์เดียวกันประหยัดมากขึ้น   2-6%”

ด้าน  โฆษกของ   Porsche   เดฟ เอ็นเกลแมน กล่าวในบทความเดียวกัน ว่า  การให้อัตราทดเกียร์มากขึ้นใน Porsche   ที่เริ่มใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ดั้งเดิม   Porsche  จะมาพร้อมระบบเกียร์  6  สปีด แต่เกียร์   7   ใหม่ จะทำให้อัตราทดต่ำลง เครื่องยนต์เดินเครื่องรอบต่ำลงกว่าเดิม มันประหยัดน้ำมันมากขึ้น และทำให้ปล่อยไอเสียน้อยลงกว่าเดิม

และที่สำคัญอีกประการที่ทางผู้ผลิตมองเกี่ยวกับอัตราทดเกียร์จำนวนมาก ก็หนีไม่พ้นความสบายในการขับขี่ ด้วยชุดเกียร์ที่วางอัตราทดชิดกันจะให้อัตราไม่แตกต่างกันมาก ส่งผลในเวลาต่อเกียร์คุณจะแทบไม่รู้สึกถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่เปลี่ยนไป มันไม่มีแรงกระชากจากชุดเกียร์ให้คุณรู้สึกระหว่างการขับขี่  เหมือนระบบส่งกำลังในยุคก่อน

 

อัตราทดจำนวนมากเท่าไรจึงจะพอดี

เมื่อเห็นอัตราทดจำนวนมากหลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วอัตราทดเกียร์เท่าไรจึงจะเหมาะสมพอดี เรื่องนี้ที่จริงแล้วไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง ด้วยแนวทางการพัฒนารถยนต์แต่ละบริษัทมีความแตกต่างกันตามความต้องการในการทำตลาด แต่ระบบเกียร์ยิ่งอัตราทดมากก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

เรเนอเคอร์ จาก   Ford   กล่าวว่าเรื่องอัตราทดเกียร์มากไน้อยเท่าไรไม่มีสูตรตายตัว แต่คุณต้องรู้ว่า จะต้องใช้อัตราทดอย่างไรจึงจะเหมาะสม บริษัทรถยนต์อาจจะให้อัตราทดเกียร์  9   หรือ  11  สปีดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและเหมาะสมในการขับขี่ใช้งานของเครื่องยนต์แต่ละบล็อก ซึ่งในวันหน้าเราอาจจะหันไปใช้ระบบเกียร์  11  สปีด ก็ได้ แต่เราต้องรู้ว่าจะใช้มันให้มันเกิดประโยชน์ได้อย่างไร ซึ่งมันอาจจะเหมาะกับบางสถานการณ์การขับขี่ในอนาคต

 

ระบบเกียร์ยุคใหม่อาจไม่ใช่อย่างที่หลายคนคิด

ไหนๆพูดถึงแนวทางของระบบเกียร์แล้ว ทุกวันนี้วิศวกรทั้งหลายทำงานอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนแนวทางการสร้างอัตราทดให้กับผู้ใช้งาน ในภาพใหญ่การเพิ่มอัตราทดเกียร์ที่เรากล่าวมาเบื้องต้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงว่ารถยนต์ยุคใหม่อาจจะถูกเปลี่ยนวิธีคิดของระบบส่งกำลังจากปัจจุบันไปโดยสิ้นเชิง

[IMAGE3]

 หลายปีที่ผ่านมาระบบเกียร์   CVT   หรือ  Continuous Variable Transmission ก้าวเข้ามามีบทาทในรถยนต์หลายรุ่น มีใช้ตั้งแต่รถยนต์เครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบอีโค่คาร์ไปถึงรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่

แนวทางของระบบเกียร์   CVT   คือสร้างกำลังต่อเนื่องโดยรอบเครื่องยนต์ไม่ตก ทำให้รถมีกำลังตลอดเวลาขับ ไม่เสียเวลาต่อการเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละอัตราทดเกียร์ จนกำลังตกแบบที่เราคุ้นเคยในอดีต ทำให้วันนี้   CVT   ก้าวเข้ามาเป็นระบบส่งกำลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการขับขี่ แต่อาจจะยังไม่ใช่ที่สุดด้วยทุกอย่างมีดีดมีเสียตกต่างกันไป ในขณะที่   CVT   อาจจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ต่พวกมันก้ไม่ใช่ระบบเกียร์ที่ขับสนุกที่สุดในตลาด

หลายคนอาจจะสงสัยว่าวิศวกรคิดอย่างไรกับระบบเกียร์ในอนาคต

เรเนเคอร์จาก   Ford   กล่าวทิ้งท้ายในบทความ Popular Mechanics ว่า ยังไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตของระบบเกียร์ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร ในขณะที่เรากำลังพยายามพัฒนาระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ ระบบเกียร์แบบเฟืองแพลนเนทารี่ก็มีสมรรถนะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามมาติดๆ เช่นเดียวกับ   CVT   

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือระบบเกียร์ยุคใหม่ จะมีใครครองตลาดยังไม่แน่ชัด ที่ชัดเจนคือบริษัทรถยนต์ต้องทำกฎทางด้านสิ่งแวดล้อม และ อัตราประหยัดน้ำมันอันเข้มงวดจากรัฐบาลทั่วโลก พวกเขาต้องการชุดเกียร์ที่ตอบโจทย์ได้ถูกต้อง สมความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไปตามรถยนต์แต่ละรุ่น

 

ที่มา  Popular Mechanics  , Road and Track

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog  ส่วนตัว

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ