รู้ซึ้งเรื่องออกเทน เติมน้ำมันแบบไหนเหมาะกับรถคุณ

  • โดย : Autodeft
  • 23 ก.ย. 59 00:00
  • 110,041 อ่าน

ในโลกยุคใหม่ที่หลายคนดุจะเล็งหาความประหยัดในการขับขี่รถยนต์สุดที่รักของเรา หลายคนดูจะไม่ค่อยแยแสในเรื่องการเติมน้ำมันมากเท่าไร ยิ่งที่ผ่านมามีความเชื่อผิดต่างๆ นานามากมายเกี่ยวกับการเติมน้ำมัน และเชื่อหรือไม่ว่าเพียงแค่เลือกน้ำมันต่างชนิดให้เหมาะกับรถคุณ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 2-3 บาทเลยทีเดียว

 

ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าพวกเขาควรเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงเข้าว่า โดยเฉพาะใครที่ชอบความเร็วเน้นความแรง สับเกียร์สนุกๆ ลากรอบเครื่องยนต์สูง ทุกคนทำให้เชื่ออย่างสุดว่า พวกเขาควรจะเลือกน้ำมันดีเกรดออกเทนสูง ... เป็นอาหารดีสำหรับฝูงม้าใต้ฝ่าเท้า ใช่ผมรู้ และเชื่อว่าคุณก็รู้ แต่ความจริงเบื้องหลังค่าออกเทนนี้คืออะไร .. ผมว่าได้เวลาที่เราจะมาไขปริศนาเรื่องออกเทนและเข้าใจมันให้ถูกต้อง ซึ่งนอกจากคุณจะได้เลือกใช้ค่าออกเทนถูกต้องแล้ว มันยังช่วยคุณประหยัดค่าน้ำมันรถเพิ่มขึ้นด้วยล่ะ !! ... จริงๆ นะ

ก่อนจะไปไกล ... ต้องเข้าใจว่าค่าออกเทนมาจากไหน ...  

ค่าออกเทน คือค่ามาตรฐานกลางที่ใช้กำหนดความสามารถของเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องยนต์หรือการอากาศยาน ว่าจะมีความสามารถใช้กับเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงโดยไม่จุดระเบิดตัวเอง (Self ignition)  ก่อนการจุดระเบิดตามกลวัตรการทำงานของเครื่องยนต์ ... ฟังดูแล้วเก็เหมือนเข้าใจง่าย แต่มันมีอะไรที่ลึกกว่านั้น

แน่นอน น้ำมันเป็นสารเคมีอย่างหนึ่งที่ถูกผ่านกระบวนการจนสามารถนำมาใช้ให้พลังงานได้ ตัวเลขออกเทนเป็นค่าที่เกิดขึ้นจากกระบวนการกลั่นน้ำมันของหอหลั่น ถ้าคุณยังจำได้จากหนังสือวิทยาศาสตร์สมัยม. ปลาย การกลั่นน้ำมันดิบที่ขุดเจาะมาจากใต้พิภพที่เราเหยียบ จะสามารถนำมาแยกเป็นน้ำมันต่างๆมากมาย หาใช่ขุดมาแล้วเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียวไม่

ในกระบวนการกลั่นดังกล่าวน้ำมันดิบจะถูกแยกออกไปตามกระบวนการ โดยในแต่ละโมเลกุลของน้ำมันนั้นจะประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน ร้อยเรียงต่อกัน มันมีธาตุแบบนี้ในน้ำมันดิบกว่า  200  ชนิด  แต่ค่าที่นำมากำหนดและใช้ในน้ำมันเชื้อเพลิง เราเรียกว่า   ISO-Octane  มันคือธาตุที่ประกอบด้วย  8 อะตอมคาร์บอนและ  18   อะตอมไฮโดรเจน (C8H18)  มันทนความร้อนและแรงกดดันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่พบได้ในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยนอกจากที่กล่าวมาแล้วในเนื้อนำมันยังมีค่า   heptane  ที่นำมาใช้ในน้ำมันเชื้อเพลิง แต่มันมีความอ่อนไหวมากกว่า จนสามารถชิงจุดระเบิดตัวเองได้

ค่าออกเทนจึงเป็นค่าที่เกิดขึ้นเพื่อบอกว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกทดสอบมานั้นสามารถทนต่อการชิดจุดระเบิดมากเพียงใด อย่าเข้าใจผิดมันไม่ได้บอกว่าค่าพลังงานในน้ำมันที่คุณเติมนั้นเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น น้ำมันเบนซิน   95   มี iso-octane 95   ส่วน และมี heptane   5 ส่วน มันหมายถึงน้ำมันชนิดนี้สามารถต่อต้านการชิงจุดระเบิดของน้ำมันเองได้ถึง   95% ....คิดแบบนี้คงพอเข้าใจค่าออกเทนน้ำมันมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ

ทีนี้หลายคนคงมีคำถามน้ำมันชิงจุดระเบิดเกิดขึ้นได้ไง และทำไม เราไม่อยากให้มันชิงจุดระเบิด .. เรื่องนี้ผมคงจะต้องพาเพื่อนๆ ไปสำรวจการวิศวกรรมของเครื่องยนต์กันสักหน่อยว่า  เครื่องยนต์นั้นประกอบด้วยการทำงานของหลายชิ้นส่วนมันมีการเสียดทาน ความร้อนในการทำงาน แต่เครื่องยนต์เกือบทุกแบบจะมีค่าหนึ่งที่เหมือนกัน เราเรียกว่า  อัตรากำลังอัด หรือ  Compression Ratio  มันคือค่าที่กำลังอัดจากจังหวะจุดระเบิดขยายตัวส่งลูกสูบลงไปด้านล่างไปหมุนเพลาข้อเหวี่ยงเพื่อให้ได้กำลังงาน เป็นแรงบิดไปสู่ชุดเกียร์และไปยังล้อ . นั่นเอง

ยิ่งกำลังอัดเครื่องยนต์มากการทำงานของเครื่องยนต์ก็ยิ่งมีแรงดันภายในห้องเผาไหม้และอุณหภูมิสูงมาก ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องยนต์จำเป็นต้องต่อต้านการชิงจุดระเบิด ซึ่งหากคุณทะลึ่งใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าที่วิศวกรเครื่องยนต์กำหนด เมื่อหัวฉีดเชื้อเพลิงจ่ายน้ำมันลงไปในห้องเผาไหม้ ... มันจะจุดระเบิดตัวเองทันที ก่อนที่หัวเทียนจะจุดระเบิด นั่นทำให้เครื่องยนต์มีแรงดันภายในห้องเผาไหม้มากไป ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมต่อกระบวนการทำงานผิดพลาด เครื่องยนต์อาจจะทำงานผิดจังหวะตามที่จัดระเบียบกระบวนการทำงานเอาไว้ โดยรวมเราเรียกอาการที่เกิดขึ้นว่า  Knocking   และมันอาจจะทำให้เครื่องยนต์ในรถสุดที่รักของคุณกลับบ้านเก่าก่อนวัยอันควร

ปัจจุบนเครื่องยนต์ในรถยนต์แทบทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน มีอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยลดปัญหาการเกิดอาการ knocking  ของเครื่องยนต์ มันคือ   Knock Sensor   ซึ่งถูกติดตั้งเข้ามาคอยฟังระบบการทำงานของเครื่องยนต์โดยรวมว่ายังดีและถูกต้องไหม อุปกรณ์นี้จะวัดการสั่นสะเทือนในระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ จากแต่ละสูบ จากนั้น สั่งให้หน่วยประมวลผลของเครื่องยนต์ปรับการทำงานจังหวะการจุดระเบิดให้เหมาะสมตามสภาวะการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์และใช้น้ำมันอย่างดีที่สุด ..  แต่ถ้าคุณจะถามว่ามันช่วยปรับการจุดระเบิดจนรถจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการขับขี่หรือไม่ คำตอบจากวิศวกรผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมระบบเครื่องยนต์ของ  Bosch , นาย กอทฟิลด์ ชิลเลอร์ กล่าวกับ   Car and Driver   เมื่อนานมาแล้วว่า  ก็อาจจะมีบ้างที่ระบบจะสามารถทำให้การจุดระเบิดให้สัมพันธ์กับการใช้น้ำมันเกรดพรีเมี่ยม หรือว่าง่ายเพิ่มขึ้นตามค่าออกเทนของน้ำมัน แต่มันไม่ได้หมายความว่ารถคุณแรงขึ้นมีกำลังมากขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อทำให้เครื่องยนต์ไม่เกิดการ knocking   เท่านั้น

หลายคนอาจจะเถียงผมเติมเบนซิน   95   ผมรู้สึกได้เลยว่ารถวิ่งดีกว่าเดิมเห็นๆ ... บางทีอาจจะเป็นไปได้ เช่นในกรณีรถยนต์ที่เครื่องยนต์เก่าหรือใช้งานมากนาน ซึ่งอาจจะมีคราบคาร์บอนจากการเผาไหม้สะสมทำให้เครื่องยนต์อาจจะเกิดอาการ   Knocking   อยู่แล้ว โดยที่คุณไม่ทราบมาก่อน ชิลเลอร์บอกว่า การเติมน้ำมันออกเทนสูง จึงทำให้รู้สึกดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

อีกประการคือ น้ำมันเชื้อเพลิงเองก็มีค่าความหนาแน่นพลังงานต่างกัน ยิ่งในปัจจุบันบ้านเราใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบผสมพลังงานทางเลือก ทำให้ ค่าความร้อนที่ออกมาจากการจุดระเบิด หรือ  Energy Density   ต่างกัน ซึ่งค่าดังกล่าวไม่ได้เป็นที่สนใจของคนทั่วไป เพราะว่าไม่ได้ระบุไว้จากผู้ผลิตน้ำมันตามสถานีจ่ายน้ำมัน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณเข้าใจผิดว่า  น้ำมันออกเทนสูงให้ความแรงมากกว่า ทั้งที่มาจากค่าความร้อนพลังงานจากเผาไหม้ของน้ำมัน เมื่อเกิดการจุดระเบิดตามกระบวนการทำงานของเครื่องยนต์

ถ้าคุณอยากรู้ว่า ค่าความร้อนของน้ำมันแต่ละชนิดที่ขายในประเทศไทย เป็นอย่างไร ผมขอนำข้อมูลเก่าจาก  Pantip.com  มาบอกเล่าเก้าสิบกันต่อ ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่โดยสมาชิกชื่อ   Sky hook damper  ได้คำนวณค่าความร้อนที่ได้จากน้ำมันแต่ละชนิดเอาไว้อย่างชัดเจนดังนี้

ชนิดน้ำมัน

ค่าความร้อนที่ได้จากน้ำมัน   (MJ/L)

น้ำมันเบนซิน   95

34.8 

น้ำมันเบนซิน 91

34.8

แก๊สโซฮอลล์   95

33.4

แก๊สโซฮอลล์   95  - E20

32.08

แก๊สโซฮอลล์   95 – E85

23.24

แก๊สโซฮอลล์   91

33.4

 

หมายเหตุ ค่าประมาณการค่าความร้อนจากน้ำมันแก๊สโซลีนที่  34.8 MJ/L  และ เอทานอลมีค่าความร้อนที่ 21.2  MJ/L โดยค่าความความร้อนดังกล่าวสรุปจาก   Wikipedia   เป็นค่าเบื้องต้นเท่านั้น

 

จากข้อมูลจะพบว่า น้ำมันเบนซิน   100%   จะให้ค่าความร้อนสูงกว่า ซึ่งไม่ว่าคุณจะใช้น้ำมันออกเทนใด ค่าความร้อนก็มีค่าเท่ากัน ช่วยยืนยันว่าค่าออกเทนนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเครื่องยนต์ในเรื่องความแรง แต่เรารู้สึกได้จากค่าความร้อนของน้ำมันที่มีความหนาแน่นมากขึ้นนั่นเอง

ตลอดจนที่สำคัญและขาดไม่ได้คือสารผสมของผู้ผลิตน้ำมันในเนื้อน้ำมันของพวกเขาก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ รถของคุณให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป และประการสุดท้าย อาจจะเพราะรถคุณแท้ที่จริงเหมาะสมกับน้ำมันประเภทออกเทนสูง เช่น เครื่องยนต์รถคุณถูกออกแบบมาให้มีอัตรากำลังอัดสูง ซึ่งนอกจากกำลังอัดเครื่องยนต์ในปัจจุบัน ก็มีเรื่องของระบบอัดอากาศ เช่นระบบเทอร์โบชาร์จเข้ามาเกี่ยวเนื่องด้วย ดังนั้นเราจึงมักพบว่าเครื่องยนต์เทอร์โบนั้นจะแนะนำผู้ใช้ให้เติมน้ำมันออกเทนสูง ถ้าเป็นไปได้ ..

นอกจากนี้การใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงไป จะทำให้เกิดค่าเขม่าคาร์บอนสะสมภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อนานวันไป จะทำให้เครื่องยนต์ด้อยประสิทธิภาพลง มันอาจจะไปจับที่หัวและแหวนลูกสูบ ทำให้ด้อยประสิทธิภาพลง หรือไม่ก็ไปจับที่หัวเทียนทำให้จุดระเบิดไม่สมบูรณ์ นั่นเพราะน้ำมันออกเทนสูง อาจะเผาไหม้ไม่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของคุณ


สรุป เข้าใจผิดเข้าใจใหม่ ยังไม่สายช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า

เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานจาก American Automobile Association (AAA) ว่าพวกเขาพบว่ามีผู้ใช้รถยนต์จำนวนมาก ในอเมริกา ยังเข้าใจผิดเรื่องค่าออกเทน และพวกเขายอมเสียเงินเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม (ในอเมริกาขาย ออกเทน   91-93) เพียงเข้าใจว่า มันน่าจะช่วยให้พวกเขาได้กำลังมากขึ้น  ซึ่งจากความเข้าใจผิดดังกล่าว ทำให้ประเทศอเมริกาสูญเสียรายได้กว่า   2.1  พันล้านต่อปี

นาย เกรก แบรนนอน ผู้อำนวยการทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ของ   AAA  กล่าวเปิดเผยว่า  รถยนต์ไม่ได้จำค่าออกเทนในเนื้อน้ำมันอย่างที่หลายคนเข้าใจแบบผิดๆ ทางทีมวิศวกรได้จับเรื่องการปรับจังหวะจุดระเบิดดูแล้ว ใช่มันรู้สึกได้ในการขับขี่ แต่จากข้อมูลทางเทคนิค มันไม่ได้มีการปรับการจุดระเบิดจนมีสมรรถนะมากพออย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ

การทดสอบดังกล่าว สรุปผลคล้ายกับที่  Car and Driver   ได้เขียนเอาไว้ในบทความเรื่อง Regular or Premium   ว่า  พวกเขาได้นำรถยนต์หลายรุ่นมาทดสอบ ทั้ง  Dodge Ram , Ford Mustang  ,Honda  Accord V6 3.0   ลิตร  ไปจนถึงรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง BMW M3 และ   Saab 9-5

จากการทดสอบ พบว่า   Dodge Ram   ดูเหมือนมีสมรรถนะมากขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่กับเวลาการขับขี่ในสนาม ส่วนทางด้าน   Ford Mustang   ทางทีมงาน  Car and Driver  บอกวา พวกเขาพบแรงม้าเพิ่มขึ้น   2  ตัว บนไดโนมิเตอร์ และ ทำอัตราเร่งดีขึ้น   0.3   วินาที ด้าน   Honda  Accord  V6   ฟังดูสมรรถนะน่าจะดีขึ้น แต่เปล่าเลย น้ำมันออกเทนสูงกลับทำให้กำลังของมันลดลง  2.6%  

ส่วนในรถยนต์สมรรถนะสูง   BMW M3 เมื่อทดลองด้วยน้ำมันเกรดธรรมดา มีกำลังลดลง   6.6 %  Saab 9-5   มีกำลังลดลงถึง   10.1%  และทั้งคู่ไม่สามารถขับต่อจนทดลองน้ำมันออกเทนสูงได้

จากตลอดข้อมูลทั้งบทความนี้ คงจะเห็นแล้วว่า น้ำมันค่าออกเทนสูงไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากกว่าการทำให้เครื่องยนต์ในรถของคุณขับขี่ได้ราบรื่นจุดระเบิดได้สมบูรณ์ไร้ความขัดข้องใดๆ  ในการทำงาน มันไม่ได้เกี่ยวกับสมรรถนะเลยแม้แต่น้อย อย่างที่เข้าใจ ... คุณต้องแยกให้ออกระหว่างค่าความหนาแน่นของพลังและค่าออกเทนที่ป้องกันการชิงจุดระเบิดของตัวน้ำมัน ... มันไม่มีเกี่ยวกัน ถึงแม้จะดูเชื่อมโยงกันก็ตาม

ถ้าคุณจะถามว่า เมื่อไรเราควรเติมน้ำมันออกเทนสูง ผมว่าคุณควรปรึกษากับรถของเป็นอันดับแรก ตรวจดูจากคู่มือประจำรถว่า น้ำมันค่าออกเทนเท่าไร ที่ผู้ผลิตแนะนำ หรือคุณอาจจะเปิดฝาถังน้ำมันอ่านก็ได้ เขาจะมีบอกไว้อย่างชัดเจน ว่าแบบไหนที่คุณสามารถเติมให้รถของคุณได้

ดังนั้นจากนี้คุณรู้แล้วว่า เราไม่ควรเสียเงินฟรีๆ กับน้ำมันออกเทนสูง โดยไม่ได้ประสิทธิภาพทางด้านสมรรถนะอะไรเพิ่มขึ้นมาจากเดิม คุณกำลังทำให้นักค้าพลังงานส่วนใหญ่ยิ้มร่าร่ำรวยบนความไม่รู้ของคุณ ดังนั้นในวันนี้เมื่อรู้แล้ว ได้เวลาแล้วครับ เลือกน้ำมันออกเทนที่เหมาะกับรถของคุณ อย่าเสียเงินเปลาประโยชน์ไปฟรี ๆ ...  จะเห็นได้ทันทีว่าคุณประหยัดค่าเดินทางได้มากโข โดยเฉพาะใครที่ขับรถใช้งานเป็นประจำรถทุกวัน

เว้นแต่คุณอยากจะแรงจริงๆ ลองเติมน้ำมันที่มีค่าความหนาแน่นพลังงานสูง คุณจะรู้ถึงความแตกต่าง แต่ก็ใช่ว่าจะได้เป็นสิบแรงม้า ทั้งหลายทั้งปวงมันไม่ได้เป็นเหตุผลจากค่าออกเทน ..   แต่มาจากความหนาแน่นของพลังงานในน้ำมันที่แตกต่างกัน

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@Nattayosc), Blog  ส่วนตัว

                                    

ติดตามเรื่องราว ข่าวสาร และความรู้ รถยนต์ได้กับพวกเรา ได้ที่  www.Autodeft.com 

หรือผ่านทาง   Fanpage Facebook กดไลค์และ  Follow   ได้ที่   www.facebook.com/autodeft 

 

 

อ้างอิง

การคำนวณค่าความร้อนน้ำมัน E20 91 95

Energy Density- Wiki Pedia

Americans waste $2.1 billion on premium fuel, AAA says

Regular or premium?

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ