ทำความรู้จักกรองเขม่าไอเสีย DPF จำเลยของสาเหตุเครื่องดีเซลรุ่นใหม่พัง
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 10 ส.ค. 61 00:00
- 73,371 อ่าน
เครื่องยนต์ดีเซล มักจะเป็นตัวการสำคัญที่ผลิตมลพิษเข้าสู่อากาศอย่างมากมาย ทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เครื่องยนต์ดีเซลปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด จึงทำให้เครื่องยนต์ดีเซลระดับ EURO 5-6 มีการติดตั้งอุปกรณ์ตัวหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ไอเสียถูกกำจัดออกไปก่อนที่จะออกสู่สิ่งแวดล้อมต่อไป ตัวอุปกรณ์นี้เรียกว่า ตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์ดีเซล มักจะเป็นตัวการสำคัญที่ผลิตมลพิษเข้าสู่อากาศอย่างมากมาย ทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เครื่องยนต์ดีเซลปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด จึงทำให้เครื่องยนต์ดีเซลระดับ EURO 5-6 มีการติดตั้งอุปกรณ์ตัวหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ไอเสียถูกกำจัดออกไปก่อนที่จะออกสู่สิ่งแวดล้อมต่อไป ตัวอุปกรณ์นี้เรียกว่า ตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล
ในปี 2567 รัฐบาลของประเทศไทยได้เริ่มมีการบังคับใช้ให้เครื่องยนต์ดีเซลที่วางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ 1 เมษายน เป็นต้นไป ต้องมีการปล่อยไอเสียอยู่ในระดับมาตรฐาน EURO5 ตังนั้นจึงต้องมีการติดตั้งตัวกรอง DPF เข้าไปทุกคัน โดย Diesel Particulate Filter หรือ DPF เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยดักเขม่าควันต่างๆ ที่หลงเหลือมาจากการเผาไหม้ในห้องจุดระเบิด โดยจะจับเอาไว้เฉพาะเขม่าขนาดเล็กมากๆ โดยตัวกรองแบบรังผึ้งที่ผลิตมาจาก Cordierite หรือ Silicon carbide หรือ Ceramics สะสมเอาไว้ในตัวของมัน จากนั้นระบบของสมองกลก็จะสั่งการให้กำจัดเขม่าพวกนี้เสีย ด้วยการเผาไหม้ระดับ 600 องศาเซียลเซียส ซึ่งความร้อนนี้ เป็นการดึงมาจากห้องจุดระเบิด แล้วส่งผ่านมาที่ท่อไอเสียเพื่อผ่านตัวกรอง DPF อีกที ด้วยความร้อนระดับนี้ จะสามารถกำจัดเขม่าที่อยู่ในตัวกรองเขม่าไอเสียได้เกือบทั้งหมด กระบวนการเผาไหม้นี้ ถูกเรียกกันว่า Regeneration
ทีนี้ ปัญหาที่คนใช้เครื่องยนต์ดีเซลประเภทนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรถยนต์ประเภทอเนกประสงค์ หรือรถเก๋งดีเซล ซะเป็นส่วนใหญ่ (ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลในกระบะและ PPV ก่อนหน้านี้นั้น จะยังเป็นเครื่องยนต์ระดับ EURO 4 อยู่ เลยยังไม่มีกรอง DPF มาด้วย) แต่ในรถใหม่ 2024 ที่ออกจากโรงงานหลังวันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไปต้องมีทุกคัน เมื่อใช้งานมาได้ระยะหนึ่ง เครื่องยนต์ก็เริ่มทำงานผิดปกติ อาจจะมีอาการเครื่องสั่น เร่งไม่ออก มีกลิ่นไอเสียเหม็น หรือบางรายอาการหนัก เจอกับปัญหาน้ำดันออกจากหม้อน้ำได้เลย ซึ่งเราจะเคยได้ยินมาบ่อยๆกับอาการแบบนี้ที่เกิดขึ้นใน CX-5 และ Mazda 2 ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล อาการเหล่านี้แทบจะล้วนมาจากอาการของกรองเขม่าไอเสีย DPF ตันนั่นเองครับ
ปกติแล้วอุปกรณ์เหล่านี้ ควรจะมีอาการตันได้ ก็ควรจะต้องมีอายุการใช้งานระดับ 10 ปี แต่ในหลายคนที่พบปัญหา กลับมีระยะเวลาในการใช้งานไม่นานมาก ระดับ 1-2 ปี หรือบางรายอาจจะน้อยกว่านั้น แล้วทำไมมันถึงได้ตันเร็วได้ ปัญหาส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นตัวการทำให้กรอง DPF ตันก็คือ การเลือกใช้น้ำมันที่ไม่สะอาดมากพอ หรือการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้งานกับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีกรอง DPF ทำให้อานุภาคของตัวฝุ่นละออง มีขนาดใหญ่มากเกินกว่าที่จะทำการเผาไหม้ให้หมดไปได้ จึงเกิดอาการกรองตันได้ง่าย อีกสาเหตุที่อาจจะเป็นตัวการทำให้กรองตันได้เร็ว ก็คือการใช้งานของเรานั่นเอง อย่างที่บอกไปก่อนแล้วว่า การที่เขม่าพวกนี้จะถูกเผาไหม้ได้หมด จำเป็นต้องใช้อุณหภูมิในการเผาไหม้ระดับ 600 องศาเซียลเซียส ซึ่งถ้าเราใช้งานรถแบบระยะทางสั้นๆ หรือแทบไม่มีโอกาศวิ่งรอบในความเร็วระดับเกิน 2,000 รอบ/นาที เป็นระยะทางระดับหนึ่ง เครื่องยนต์จะไม่สามารถผลิตความร้อนระดับ 600 องศาเซียลเซียสได้ กระบวนการ Regeneration ก็จะไม่เกิด ทำให้การตันของกรอง DPF จึงเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น
คำถามต่อมา แล้วจะต้องทำอย่างไร ถึงจะใช้งานรถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีกรองเขม่าไอเสีย DPF ให้ใช้งานได้ปกติ เบื้องต้นก็คือ เราควรต้องเลือกเติมน้ำมันดีเซลที่มีความน่าเชื่อถือ น้ำมันมีมาตรฐานที่ดี, เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องยนต์ที่มีกรองเขม่าไอเสีย DPF โดยเฉพาะ และควรจะต้องใช้งานรถวิ่งระยะทางไกลระดับหนึ่ง ในความเร็วรอบสูงๆบ้าง เพื่อให้การ Regeneration เกิดขึ้นจนสามารถเผาเขม่าออกจากตัวกรองไปได้หมด แต่ถ้าเกิดอาการจนมีไฟเตือนกรอง DPF ตันที่หน้าจอ ก็ต้องใช้รถในความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป เป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก็น่าจะช่วยลดการอุดตันของ DPF ได้แล้วล่ะครับ
แต่ในรถยนต์ใหม่บางรุ่นในตลาด จะมีการติดตั้งปุ่มที่ทำความสะอาดกรอง DPF เข้ามาให้เลย โดยกดปุ่มแล้วจอดทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ก็สามารถทำความสะอาดตัวกรองได้ด้วยเช่นกัน
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com