5เทคนิค ขับรถเกียร์ออโต้ให้ประหยัด ง่ายๆ เริ่มต้นได้ทันที
- โดย : Autodeft
- 7 ส.ค. 57 00:00
- 147,081 อ่าน
มารู้จัก 5 วิธีการเพื่อปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้เกียร์ออโต้ที่เราคุ้นเคยนั้นมีความประหยัดในการใช้งานมากขึ้น ทำอย่างไรบ้าง มาลองดูกัน
เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
จะหันไปไหนมาไหน ทุกวันนี้ คงถึงเวลาที่เราต้องยอมรับว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปและรถเกียร์อัตโนมัติเป็นรถที่บทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามาก จนปัจจุบันเกียร์ธรรมดาไม่ใช่รถยนต์ที่มีสัดส่วนในการขายมาก และเราแทบไม่เจอเว้นแต่คุณจะชอบซิ่งหรือว่าจะรักในรูปแบบการขับขี่ของมันจริงๆ
รถยนต์เกียร์ออโต้นั้น อาจจะมีดีที่ความสบายในการขับขี่แต่ก็มีข้อเสียมากที่มันมักมีความสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ารถยนต์เกียร์ธรรมดา แต่ถึงแบบนั้นชีวิตเราทุกวันนี้คงยากแล้วที่จะปฏิเสธรถเกียร์ออโต้ และทางเดียวที่เราจะประหยัดเงินในค่าเดินทางได้ คงไม่พ้นการเรียนรู้ที่จะทำให้น้ำมันทุกหยดที่ใช้ในการขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติกลั่นมาเป็นระยะทางมากขึ้น ช่วยให้คุณขับรถอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
1.อย่ารีบออกตัวรถ เห็นประจำ สำหรับทุกคนที่ขับเกียร์อัตโนมัติชอบรีบออกตัว เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนปั๊ป ก็รีบปล่อยเบรกแล้วเร่งพรวดไปทันที ที่จริง คุณไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก เพราะการที่คุณกระแทกคันเร่งมากเท่าไร ก็ทำให้เครื่องยนต์ทำงานเร่งเครื่องแรงขึ้นมากเท่านั้น และมันทำให้ไม่ประหยัดน้ำมันเท่าที่ควรจะเป็น
2. รู้จักปล่อยไหล หลายครั้งที่เราใช้รถยนต์ในเมือง โดยเฉพาะการที่เราเจอการจราจรติดขัด การปล่อยไหลเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้รถมีความประหยัดมากขึ้น หลายคนอาจจะสงสัยว่ารถเกียร์อัตโนมัติสามารถปล่อยไหลได้ด้วยหรือ ที่จริงมันทำได้เพียงแต่ คุณต้องเรียนรู้วิธีการ
วิธีแรก คือการปล่อยไหลความเร็วต่ำ ซึ่งง่ายมากเพียงแค่คุณละเท้าออกจากเบรกรถก็จะเริ่มทำความเร็วช้าๆเอง ซึ่งเป็นการใช้ความเร็วต่ำมาก โดยมากไม่ถึง 10 ก.ม./ช.ม. มากพอที่จะใช้เขยิบไปชิดคันหน้า หรือ ใช้ในการเข้าจอดตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งความเร็วดังกล่าวนี้ เกิดจากกำลังแรงบิดเครื่องยนต์ในรอบต่ำ ซึ่งเรามักเรียกกันว่า Walking Speed
ในอีกด้านเมื่อคุณใช้ความเร็วมาพอประมาณอาจจะเห็นการจราจรติดขัดข้างหน้า หรือรถติดสัญญาไฟข้างหน้า ก็ไม่ต้องเร่งฮ้อเขาไปแล้วเบรก หลังตูดชาวบ้าน ในกรณีเกียร์อัตโนมัติ คุณสามารถ ปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง แล้ว ปล่อยให้รถไหลไปเองได้ โดยเตรียมรอที่จะแตะเบรกเท่านั้น ซึ่งกำลังเครื่องยนต์จากการขับขี่มากพอที่จะพารถคุณไปต่อได้เองในระยะประมาณหนึ่ง โดยมากราวๆ 200 เมตร ก่อนจะหยุดนิ่งกับที่ แต่ทางที่ดี ก็ใช้เบรกร่วมช่วยด้วยเพื่อความมั่นใจในการหยุดและส่งสัญญาณคันหลังว่าคุณกำลังจะหยุด
3.คิกดาวน์ จงหลีกเลี่ยง คนขับรถเกียร์อัตโนมัติใหม่ๆ มักชื่นชอบมากกับอัตราเร่งแซงทันใจเพียงกดคันเร่งลงไป ชุดเกียร์ ก็จะปรับอัตราทดแล้วพอคุณพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว การกระทำแบบนั้น คืออาการของระบบเกียร์ออโต้ที่เรียกว่า “คิกดาวน์” โดยระบบเกียร์จะทำการลดอัตราทดเกียร์ จนกว่าผู้ขับขี่จะพอใจในอัตราเร่งแซง ซึ่งโดยมากไม่เกิน 2 อัตราทด เช่น เกียร์มี 6 สปีด จะใช้เกียร์ 4 เป็นอัตราทดต่ำสุดที่จะใช้เร่งแซง เป็นต้น
แน่นอนว่าข้อดี คือคุณแซงไว รู้สึกว่ารถขับมันส์ แต่หารู้ไม่ทุกครั้งที่คิกดาวน์รถจะซดน้ำมันเบิร์นกันอย่างสนุกสนานมาก ยิ่ง รถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติบางแบบ อย่างเกียร์ CVT จะทำการแช่รอบเครื่องสูงยาวๆ จนกว่าคุณจะพอใจ แล้วรู้ไหมว่า มันซดน้ำมันไปเท่าไรแล้ว
4. Manual mode ช่วยได้ ปัจจุบันรถยนต์เกียร์อัตโนมัติมีความสามารรถมากขึ้นมาก หลายๆคันสามารถทำการปรับอัตราทดให้สนองตามความต้องการของผู้ขับขี่ได้ หรือที่เรียกว่า Manual Mode ซึ่งสามารถทำหน้าที่คล้ายการขับขี่ในเกียร์ธรรมดา โดยใช้ตำแหน่งบวก แทนการขึ้นอัตราทดให้ต่ำลง เพิ่มตำแหน่งเกียร์สูงขึ้น และกลับกันสัญลักษณ์ – ก็เป็นการทอนเกียร์ให้ต่ำลง เพิ่มอัตราทดสูงขึ้นกว่าเดิม
คันเกียร์ในรถยนต์ Nissan Teana 2.5 XV
การใช้ Manual Mode นั้น ทำให้คุณสามารถเลือกอัตราทดเองได้ ซึ่งการขับขี่ประหยัดนั้น ควรที่จะใช้รอบต่ำเสมอ ซึ่งการใช้โหมดดังกล่าวจะทำให้ควบคุมลักษณะการขับขี่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ เกียร์อัตโนมัติบางแบบที่ไม่มีโหมดควบคุมตำแหน่งเกียร์ ยังมีบางตำแหน่งเกียร์ที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น D3 ใช้ในการเร่งแซงเทียบเท่าคิกดาวน์ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเดินคันเร่งเพิ่มเป็นต้น หรือ L ใช้ในการขึ้นทางชัน และท้ายสุดที่หลายคนงงมากคือเกียร์ 2 เป็นโหมดใช้อัตราทดเพียง 2 จังหวะ 1-2 เหมาะสำหรับในยามที่คุณรถติด หรือใช้ความเร็วต่ำมากๆในซอย เป็นต้น
5.เข้า N เมื่อนิ่งนาน หลายคนไม่เชื่อว่าการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ D เข้าเกียร์ N จะมีผลต่อความประหยีด ทั้งที่จริงแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด ในหลายข้อที่ช่างบางคนกังขากังวลว่าเกียร์มันจะกลับบ้านเก่าไปก่อนหรือ เปล่า อะไรแบบนั้น
ในแง่หนึ่งเมื่อคุณเข้าเกียร์ D ชุด Torque Convertor ที่อยู่ในเกียร์จะเริ่มรับแรงบิดจากเครื่องยนต์เพื่อเตรียมออกตัว และเมื่อมีแรงเสียดสีมาก เครื่องยนต์ซึ่งปัจจุบัน รถยนต์หลายรุ่นมักมีหน่วยประมวลผลที่ทำงานระหว่างกันทั่งชุดเกียร์และเครื่องยนต์ จะสั่งให้เครื่องยนต์เดินรอบเดินเบาแรงขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อย บางรุ่นเดินแรงกว่าถึง 200 รอบต่อนาที แล้วคิดง่ายๆ รถติดเหยียบเบรกไม่ให้รถไหลในเกียร์ D ให้ เมื่อยขา แถมยังซดน้ำมันทำไม เข้าเกียร์ N ดึงเบรกมือเอาดีกว่าสบายกว่าเห็นๆ
แม้ว่าการขับเกียร์อัตโนมัติจะมีความสบาย แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามสิ่งที่มีความสำคัญก็คงไม่แพ้เรื่องของการที่เราทั้งหลายต้องเรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องในการขับขี่ และเมื่อคุณรู้จักวิธีการแล้ว ก็จะใช้เกียร์อัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการขับรถเกียร์อัตโนมัติ
ติดตามผู้เขียน นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน และเว็บไซต์รถยนต์ Autodeft.com ห้ามทำการดัดแปลงเนื้อหา ทำซ้ำ คัดลอกบทความโดยมิได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเป็นอันขาด ...เราเตือนคุณแล้ว!!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com