จุดสีบนยางใหม่นั้น สำคัญไฉน?
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 20 ก.ค. 59 00:00
- 130,282 อ่าน
เวลาที่เราต้องเปลี่ยนยางให้กับรถคู่ใจของเรา เคยไปดูบ้างหรือเปล่าครับว่าขั้นตอนการเปลี่ยนแต่ละครั้งเป็นอย่างไร และเคยสังเกตไหมครับ ว่าบนยางที่เราเปลี่ยนใหม่นั้น ดันมีจุดกลมๆ สีแดง, สีเหลือง หรือสีขาวอยู่ด้วย และเคยสงสัยไหมครับว่ามันคืออะไร วันนี้เรามาตอบข้อสงสัยกันครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สิ่งของที่มนุษย์ทำการผลิตขึ้นอย่างยางรถยนต์ ที่เราเห็นมันเป็นรูปทรงกลมดิ๊กแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยางมันไม่กลมดิ๊กขนาดได้สมมาตรขนาดนั้น มันจะมีบางจุดที่นูนขึ้นกว่าปกติจนทำให้ยางไม่กลมได้ ดังนั้นจุดที่ยางมีความนูนมากที่สุด ทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์แล้วเป็นจุดเริ่มที่มีความสั่นเมื่อเหวี่ยง จุดนั้นทางโรงงานจะมาร์กจุด “สีแดง” เอาไว้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ จะเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ ที่จะเอาจุดเว้าของกระทะล้อหรือแม็กซ์ ซึ่งมีความไม่กลมดิ๊กเช่นกัน มาอยู่ตรงจุดสีแดงนี้ เพื่อให้แรงเหวี่ยงมีความสมดุลกัน
ส่วนจุดสีเหลืองหรือขาวนั้น จะเป็นส่วนที่ “เบา” ที่สุดของยางเส้นนั้น จึงเป็นจุดที่ควรจะใส่เป็นตำแหน่งของจุ๊บสูบลมยางมากที่สุด เพราะจุดนั้นจะเป็นจุดที่ “หนัก” ที่สุดของกระทะล้อ เมื่ออยู่ที่เดียวกัน จะช่วยทำให้ยางมีสมดุลมากขึ้น ใช้ตะกั่วในการถ่วงล้อน้อยลงได้ครับ ส่วนหลักการว่าเราควรเลือกจุดแดงหรือจุดเหลือง (จุดขาว) ในการวางตำแหน่งยางกับกระทะล้อกันแน่ ถ้ากระทะล้อมีมาร์กแจ้งมาให้ ให้เลือกจุดแดงไว้ก่อนจะดีที่สุดครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วที่กระทะล้อหรือแม็กซ์ มักจะไม่มีมาร์กมาให้ ดังนั้นการเอาจุ๊บลมมาไว้ตรงจุดสีเหลือง จะสะดวกมากที่สุดครับ
ส่วนเส้นสีๆ ที่จะมีแตกต่างกันไปบนผิวหน้ายางนั้น เป็นเส้นที่บอกความสมดุลซ้ายขวาของยางเส้นนั้น ยิ่งอยู่ตรงกลางยิ่งสมดุลมาก แต่ถ้าเลือกแล้วไม่มีหรือเลือกไม่ได้ ให้ใส่ยางแล้วให้เส้นสีเดียวกันอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน อย่างเช่นเส้นสีแดง ถ้าใส่ข้างหนึ่งออกด้านนอกรถไปแล้ว อีกข้างหนึ่งก็ให้ใส่ออกด้านนอกรถเช่นกัน เพราะถ้าใส่ให้อยู่ในด้านฝั่งเดียวกัน จะทำให้พวงมาลัยกินข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า จนทำให้การควบคุมยากขึ้นได้ครับ
ข้อมูลแบบนี้ ส่วนใหญ่ผู้จำหน่ายไม่ค่อยจะบอกกับผู้ซื้อซักเท่าไหร่ หรือว่าผู้ขายไม่มีความรู้เรื่องนี้ก็ไม่ทราบได้ ดังนั้นเรารู้เรื่องนี้เก็บเอาไว้บ้าง ก็จะช่วยให้เราเลือกซื้อ และตรวจสอบการติดตั้งให้ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์กับเราได้มากที่สุดครับ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com