ตรวจแถวอเนกประสงค์ PPV มือสองน่าโดนไม่เกิน 1 ล้าน
- โดย : Autodeft
- 22 ม.ค. 62 00:00
- 10,725 อ่าน
ปัจจุบันรถยนต์อเนกประสงค์ได้เข้ามามีบทบาทกับคนไทยมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีสมาชิกตัวน้อย หรือ คู่รักที่เริ่มต้นการใช้ชีวิต และเจ้าของกิจการที่อยากมีรถยนต์สำรองในการใช้งาน รถยนต์ประเภทนี้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบวงจร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ อเนกประสงค์พื้นฐานจากรถปิกอัพ PPV – Pickup Passenger Vehicile เป็นที่นิยมกันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความโอโถ่งใหญ่โตกับห้องโดยสาร 3 ตอน ความเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ ออพชั่นเต็มคันและสมรรถนะความแรงจากเครื่องยนต์ดีเซล ครั้งนี้ Autodeft อาสาเป็นเพื่อนคู่คิด นำเสนอรถยนต์มือสองในกลุ่ม PPV เป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นตั้งแต่ปี 2012-2017 งบประมาณตั้งแต่ 400,000-1,000,000 บาท เริ่มจาก
อเนกประสงค์หรูเอกสิทธิ์แห่งผู้นำที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ขายมาพร้อมดีไซน์ที่คล่องตัวกว่ารุ่น MU-7 กับออพชั่นเด่นไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า Projector พร้อมไฟ Daytime ราวหลังคากับล้ออัลลอยขนาด 16 กับ 17 นิ้ว ภายในสบายด้วยห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง กับ เครื่องเสียงจอสัมผัส และจอเพดานขนาดใหญ่ เป็นต้น
เรื่องความประหยัดไม่ต้องพูดถึงกับพลังดีเซลเทอร์โบแปรผันเลือกได้ตั้งแต่ขนาด 2.5 ลิตร 136 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ใหญ่สุด 3.0 ลิตร แรงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร และใหม่กับ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 กับ 6 สปีดพร้อมระบบ Rev-Tronic และเกียร์ธรรมดา 5 กับ 6 สปีด ให้เลือก
ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่ 4WD และความนุ่มนวลกับช่วงล่างคอยล์สปริงใหม่ 5 Link Suspension สามารถหาได้ตั้งแต่ปี 2013-2017 ในราคาเริ่มต้น 729,000- 995,000 บาท
อเนกประสงค์อีกรุ่นหนึ่งจากค่ายสามห่วง ที่มีความนิยมไม่แพ้กัน สปอร์ตคล่องตัวของตัวรถที่ใหญ่โต และความหรูจากชุดกระจังหน้าโครเมี่ยม กันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก ไฟหน้า HID ไฟท้ายสปอร์ตแบบโดนัท แร็คหลังคา พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ขนาดใหญ่ 17 นิ้ว และขาดไม่ได้เลยคือช่องดักลมบนฝากระโปรงหน้าและภายในหรู 7 ที่นั่ง แผงหน้าปัดดีไซน์เดิมใช้กุญแจรีโมท เมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งภายในห้องโดยสาร การจัดวางฟังกชั่นการใช้งานอยู่ในตำแหน่งที่ จับง่ายและคุ้นตา เครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทาง เครื่องปรับอากาศ Auto มาตรวัดเรืองแสง ล้วนเป็นออฟชั่นมาตรฐานสำหรับรุ่นนี้
พร้อมเครื่องยนต์เลือกได้ทั้งดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 ลิตร 163 กับ 171 แรงม้า และ 2.5 ลิตร 144 แรงม้า และอีกทางเลือกกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร 161 แรงม้า มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดากับเกียร์อัตโนมัติ ระบบขับเคลื่อนเลือกได้ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่ 4WD Full Time โดยรุ่นนี้หาได้ตั้งแต่ปี 2012- 2015 ในราคาเริ่มต้น 639,000-959,000 บาท
Mitsubishi Pajero Sport
ค่ายทรีไดมอนด์ไม่น้อยหน้าส่งรถยนต์ประเภทนี้เข้าประกวดในชื่อ Mitsubishi Pajero Sport กับดีไซน์ที่เด่นหรูแกร่งในคันเดียว และความหรูหรากับห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เหมือนคู่แข่งหัวกระทิ พร้อมออพชั่นเหนือกว่าทั้งไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เครื่องเสียงแบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ 7 นิ้ว พร้อมลำโพงมากสุด 8 ตัว กับเครื่องยนต์เลือกได้ทั้ง 2.5 ลิตร 178 แรงม้า ดีเซลเทอร์โบแปรผัน กับ เบนซิน 2 ขนาดความแรงทั้ง 2.4 ลิตร 128 แรงม้า กับ 3.0 ลิตร V6 219 แรงม้า และช่วงล่างทนทรหดสไตล์รุ่นพี่ Mitsubishi Pajero โดยรุ่นนี้สามารถหาได้ตั้งแต่ปี 2012-2015 ในราคาเริ่มต้น 440,000-688,000 บาท
ปิดท้ายด้วยอเนกประสงค์ค่ายโบว์ไทที่ใจถึงก็ไปถึงกับขุมพลังดีเซลเทอร์โบ Duramax 2.8 ลิตร แรงสุด 200 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร กับ 2.8 ลิตร รุ่นก่อนหน้านั้น 180 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร และ 2.5 ลิตร 163 แรงม้า 380 นิวตันเมตร พร้อมดีไซน์ความเป็นรถอเมริกันกับโบว์ไทสีทองตัวใหญ่ประทับบนกระจังหน้า และห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง กับความหรูหราด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ กับระบบความบันเทิงอินโฟเทนเมนท์เชฟ MyLink ทำงานผ่านหน้าจอสีแบบทัชสกรีน และระบบนำทางผ่านดาวเทียมในตัว สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน USB และ AUX
และเบาะที่นั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเย็นสบายตลอดการเดินทางด้วยระบบปรับอากาศที่มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทั้งสามแถวพร้อมช่วงล่างหนึบกับด้านหน้าและหลังแบบคอยล์สปริงในราคาที่คบหาได้ตั้งแต่ 499,000- 750,000 บาท ในรุ่นปี 2012-2016
เรื่องและเรียบเรียงโดย นายเต้ย
อ้างอิงราคารถมือสองจาก Taladrod (ราคารถมือสองอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์)
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com