Full Review : Volvo V40 Cross Country D4 ซิ่งประหยัด มั่นใจเรื่องความปลอดภัย

  • โดย : Autodeft
  • 23 ก.พ. 59
  • 35,171 อ่าน

พบกับบทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Volvo V40 Cross country เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุด ขับแล้วสมรรนถะเยี่ยมแถมยังประหยัดอีกต่างหาก

 

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

หากคุณจะต้องซื้อรถยนต์สักคันโดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมาเป้นส่วนสำคัญในการคบหา ชื่อเสียงของแบรนด์   Volvo   แลจะมีสำคัญที่ทำให้ค่ายรถยนต์จากสวีเดนรายนี้กลายเป็นที่รู้จักของคนจำนวนมากทั่วโลก จนคุณไม่สามารถปฏิเสธได้ ยิ่งรุ่นใหม่ๆ ได้การออกแบบที่ลงตัวมากขึ้น ดูสง่ามากขึ้น ตลอดจนสมรรนถะการขับขี่อันยอดเยี่ยม...จนทุกวันนี้รถยนต์   Volvo   ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบไม่แตกต่างจากคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน

ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา   Volvo   ก้าวล่วงสู่อณาเขตใหม่ทางด้านการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จในการออกแบบยุคใหม่สร้างเสริมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หนึ่งในรถยนต์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ   Volvo   ก็มี Volvo V40   ใหม่ ซึ่งมีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นยกสูงเแอบลุยยามคุณต้องเดินทางไกล Cross Country  และวันนี้มันดูน่าสนใจมากขึ้น ด้วยรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ทรงสมรรถนะกว่าเดิม

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ก่อนหน้านี้  Volvo  V40   มาพร้อมเพียงเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน  T5   เท่านั้น แต่วันนี้การขับขี่ของรถยนต์รุ่นนี้จะเปลี่ยนไป เมื่อทาง   Volvo   ตัดสินใจยัดเครื่องยนต์ดีเซลลงเจ้าแฮทช์แบ็คคอมแพ็คคันนี้ แล้วนำมันมาวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคาที่แพงขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยเป็นทางเลือกสำหรับคนเดินทางไกลบ่อยๆ หรือคอสปอร์ตที่ต้องความรู้สึกประหยัดในการเดินทาง

ตัวตนรถยนต์  Volvo  V40 Cross country D4 ภายนอกเห็นครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าไม่มีรายละเอียดอะไรต่างจากการแนะนำเดิมในรุ่นเครื่องยนต์  T5   ก่อนหน้านี้

รายละเอียดต่างๆ ของตัวรถคล้ายคลึงกันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะการออกแบบที่แข็งแกร่ง ออกแนวจะแปลงเจ้ารถสปอร์ตแฮทช์แบ็คคันนี้ให้ได้กลิ่นอายของความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์นิดๆ  แต่ยังได้อารมณ์ความหรูหรา ซึ่งกล้าพูดว่าในกลุ่มรถยนต์ยุโรปความรู้สึกแบบนี้คุณจะหาไม่ได้จากรถยนต์คู่แข่งค่ายอื่นๆ

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ตัวตนที่ยังคงความเป็นเก๋งส่วนใหญ่ ทำให้เสน่ห์ของ Volvo  V40 Cross country D4 มีความลงตัวมากอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังดูสวยงามผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์มาเป็นอย่างดี  ตั้งแต่ด้านหน้าไปจรดบั้นท้าย ในรุ่นใหม่นี้ตัวรถสวมล้ออัลลอยขอบ  17  นิ้ว ดูดีด้วยลายใบทัดไซโคลน นั่นคือที่ผมเรียกลวดลายล้อลายนี้ที่ดูเท่ห์อย่างมีสไตล์ ให้ยางขนาด   225/50/R17  ดูสูงๆแปลกตา ทว่าก็ดูดี

บนหลังคาติดตั้งราวหลังคามาให้เผื่อลูกค้าต้องการสวมกล่องบนหลังคา หรือ จะติดตั้งชุดแร็คไว้ขนสัมภาระและหรือพวกจักรยานตามเทรนด์สมัยนิยม ก็สามารถทำได้โดยง่าย  และด้านล่างทั้งคันก็ดีเท่ห์ดุดันด้วยชายล่างสีดำด้านจัดเข้ากับชุดล้อ รวมถึงยังดูดีเมื่อมองกับกระจังหน้าใหม่ และดิฟฟิวเซอร์ที่ลงตัวกับปลายท่อไอเสียคู่ ช่วยเพิ่มความสปอร์ตกับตัวรถ

แม้ว่าการตบแต่งภาพรวมของตัวรถจะมีความแตกต่างจาก   Volvo V40  รุ่นปกติ แต่เรื่องขนาดมิติตัวถังนั้น ไม่ได้มีความแตกต่างกัน ด้วยความกว้างตัวรถ  1,783 มม. และ ความยาว 4370  ม.ม. (ต่างจากรุ่นปกติเพียง – 1 มม. คาดว่าจากการออกแบบกันชน)  แต่ความสูงนั้นเมื่อออกแบบเป็นรุ่น   Cross Country  ระบบกันสะเทือนที่มีการปรับใหม่ให้ตัวรถมีความสูงขึ้นเล็กน้อยเผื่อไว้สำหรับหลุมบ่อ ทำให้รถมีความสูงเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 38   มิลลิเมตร  

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

เปิดประตูก้าวสู่ภายในห้องโดยสาร  Volvo  V40 Cross country D4 ก็ยังไม่แตกต่างทางด้านการออกแบบ เมื่อเทียบกับรถยนต์   Volvo  V40   รุ่นปกติ การออกแบบรู้สึกให้ความอบอุ่นในการออกแบบ คล้ายคุณนั่งอยู่ในบ้านแถบสแกนดีเนเวีย ผสานความหรูหรา และความรู้สึกที่ต้องการความลงตัวในความสปอร์ต ช่วยให้ห้องโดยสารของวอลโว่คันนี้ดูลงตัวมากขึ้น

เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้าเรียกว่าเป็นทีเด็ดสำคัญ ด้วยความสามารถในการบันทึกท่านั่งได้มากถึง  3  โปรแกรม พวงมาลัยแบบ  3  ก้านออกแบบให้ดูสปอร์ตและเรียบง่าย ช่วยตอบโจทย์ในการขับขี่อย่างลงตัว สามารถจัดการปรับตั้งขึ้นลงและยืด-หดได้  ตรงหน้าคนขับเป็นชุดจอ   LCD    ช่วยเพิ่มความทันสมัยในรถยนต์   Volvo   คันนี้ สามารถปรับโหมดตามความรู้สึกของคุณ ได้ทั้ง Elegance  ,Eco   และ performance

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ช่วงกลางคอนโซลหน้า คุณรู้สึกได้ถึงความรู้สึกทันสมัย ผสานความลงตัวดูอบอุ่นคล้ายที่คุณสามารถสัมผัสได้ยามคุณเดินไปในสโตร์ห้างเฟอร์นิเจอร์ Ikea   ผมยอมรับนะว่า ในบรรดาการตบแต่งภายในรถยนต์จากยุโรป ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบการออกแบบภายในของ Volvo  โดยเฉพาะรุ่น   V40  นี้ ที่ดูผสมผสานอย่างลงตัว ไม่ว่าจะความทันสมัยในการออกแบบ ผสานเข้ากับความรู้สึกที่ดูภูมิฐาน  และมันดูใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนรถยนต์จากเยอรมัน น่าจะถูกจริตของคนไทยอย่างยิ่ง

แม้ว่าบางจุดอาจจะดูวุ่นวายบ้าง โดยเฉพาะส่วนคอนโซลในการใช้งานระบบ   Volvo  Sensus  ระบบนำทางและแผงคีย์แพ็ดตัวเลขไว้ใช้งานเมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ รวมถึง ปุ่มควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ และ ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ต่างๆ ส่งผลให้ตรงนี้มีหลายปุ่มมากไปหน่อยในความรู้สึก

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

เบาะนั่งโอบกระชับกำลังดีไม่บีบตัวผู้ขับขี่มากเกินไป เป็นอีกเรื่องที่ผมขอออกปากชม  Volvo  V40 Cross country D4 แต่กระนั้นพื้นที่โดยสารตอนหลังอาจจะไม่สมหวังดังใจปรารถนานัก คนไทยไซส์ปกติ สามารถนั่งได้อย่างสบาย แต่ถ้าคุณสูงสักนิดอย่าง Bonn  หรือ  เดือน  บอกเลยว่าหมดสิทธิ์จะใช้คำว่าสบายกับพื้นที่นั่งตอนหลังเจ้ารถคันนี้  ยิ่งถ้านั่ง 5 คนตามภาษาคนไทยรักเพื่อน ด้วยความเตี้ยของหลังคาคุณจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดทันที ..

ส่วนพื้นที่สัมภาระท้ายนั้นมีมากพอเหลือเฟือที่คุณจะยัดกระเป๋าสัมภาระของทุกคนลงไปได้ ผมทดลองส่วนตัวด้วยการเข้าไปนอนในห้องสัมภาระท้าย พบว่ามันสามารถทำได้ง่ายมากกว่ารถยนต์จากค่ายคู่แข่งด้วยซ้ำไป

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

การเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Volvo  V40 Cross country D4 พูดมายาวนาน เห็นทีจะไม่พ้นเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงได้เร้าใจมากกว่าเดิม และที่สำคัญคุณได้ความประหยัดมากกว่าเดิม

ราคาที่เพิ่มขึ้นอีกกว่าราวๆ  2  แสนบาทนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ให้คุณตัดใจซื้อเจ้าดีเซลคันนี้ง่ายๆ เมื่อเทียบว่า รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน  T5   มีราคาถูกกว่ามากมาย

ขุมพลังบล็อกใหม่แบบ  4   สูบแถวเรียง   16   วาล์ว ขนาด  2.0 ลิตร  ดีเซลคอมมอนเรล พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จคู่และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ   Volvo ดีเซล  i-Art  เป็นทีเด็ดไพ่ตายของสวีดิช ที่ทำให้คุณจะต้องตระหนักในเรื่องสมรรถนะและความประหยัด ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย ชนะเลิศหนึ่งในใจคุณไปทันทีที่คุณทดลองขับมัน....ถ้ามีโอกาส !!

กำลังสูงสุด  190  แรงม้า สูงสุดที่   4,250   รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด  400 นิวตันเมตร ทำกำลังแรงบิดต่อเนื่องตั้งแต่   1,750-2,500 รอบต่อนาที  ในรุ่นดีเซลระบบส่งกำลังถูกเปลี่ยนมาใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติ  Adaptive automatic 8  สปีด ตอบสนองการขับขี่ดีขึ้น และเช่นเคยยังมี ระบบ  Paddle Shift  ให้ใช้ด้วย ...

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ความน่าอัศจรรย์ใจในเรื่องความทรงพลังของเครื่องยนต์สัมผัสได้ทันที่ทีคุณเหยียบคันเร่งลงไป แค่เพียงนิดเดียวเจ้าเครื่องยนต์ดีเซล เสียงดังน่ารำคาญ ถ้าคุณสตาร์ทเครื่องแล้วยืนนอกรถ จะกลายเป็นขุมพลังสุดโหดพันธุ์ดุขึ้นมาทันทีเมื่อคุณขับขี่มันลั่นไปตามถนน

การมีนัดแล้วต้องไปให้ทันเวลา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของชีวิตคนเมือง แต่คงไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณคบหาเจ้า  Volvo  V40 Cross country D4 คุณรู้สึกเร้าใจและมีความสุขมากทุกครั้งที่เหยียบคันเร่งมันลงไป แล้วเจ้าสวีดิชกระชากคุณประดุจถนนไม่มีวันสิ้นสุด เข็มไมล์วิ่งพุ่งกวาดรอบเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว แต่ว่าตัวเลขบอกความเร็วขึ้นเร็วกว่ามาก พอจะรู้สึกถึงความระทึกได้ ถ้าคุณมีถนนว่างๆ ราวๆ  1  กิโลเมตร  การแตะความเร็ว 180  กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ   Volvo   เคลมอัตราเร่ง   0-100 ก.ม./ช.ม.  ในเวลา  7.5   วินาที เท่านั้น

การวิ่งรถออกต่างจังหวัดทันทีที่ได้รถมาไม่ใช่เรื่องบ่อยครั้งนักสำหรับการทดสอบรถ แต่วันนี้เรามีนัดถ่ายรูปกันที่ลำตะคอง ผมใช้ความเร็วพอสมควร เพื่อไปให้ทันเวลาก่อนเวลาแดดร่มลมตกยามเย็น การใช้ความเร็ว  130-140  ก.ม./ช.ม.  ไม่ใช่วิถีที่คนส่วนใหญ่อาจจะทำกัน แต่เมื่อคุณขับเจ้า  Volvo  V40 Cross country D4 หน่วยก้านกำลังเครื่องขอมันจะพาคุณไปอยู่ที่ความเร็วย่านนั้นจนคุณเองไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงสมรรนถะของมัน

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

รวมถึงความสามารถของระบบกันสะเทือนตัวรถที่เซทออกแบบมาให้มีช่วงสูงกว่ารถเก๋ง แม้จะเป็นระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า ควบรวมกับระบบกันสะเทือน  Multilink ทางด้านหลัง ทว่าการซับแรงกระเทือนกลับทำได้ดีมาก ถึงอารมณ์ระบบกันสะเทือนของเจ้าสวีดิชคันนี้จะออกไปทางลุคสปอร์ตมันดูแข็งๆบ้าง เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นของวอลโว่ที่ทำออกมาตอบตลาดให้ความนิ่มนวลในการขับขี่ หากว่ายามขับขี่ด้วยความเร็วคุณจะรู้สึกชอบเซทติ้งนี้มากขึ้นและไม่หวั่นใจเมื่อคุณต้องเจอสะพานคอหัก หรือหลุมบ่อ บนทางลูกรัง มันสามารถขับได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ความรู้สึกเดียวที่ผมไม่ชอบใน  Volvo  V40 Cross country D4 คันนี้คงหนีไม่พ้นธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ต้องยอมรับว่า ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลนั้นมีพิกัดน้ำหนักตัวมากกว่ารุ่นเบนซินถึง  63  กิโลกรัม โดยประมาณ มันหมายถึง การควบคุมที่ยากขึ้นเล็กน้อย และคุณอาจจะต้องปรับตัวสักหน่อยเมื่อพบว่ารถคันนี้มีน้ำหนักตกทางด้านหน้าค่อนข้างมาก ทำให้ควบคุมยาก และยิ่งเห็นผลมากเมื่อคุณเปิดใช้ระบบ  Lane keeping Aid   ในระหว่างการขับขี่ ทำให้ตลอดการทดสอบ ผมปิดระบบนี้ตลอดเวลาไปโดยปริยาย เพื่อลดความรู้สึกจากอาการดังกล่าว

ฟังดูมันคงไม่ประหยัดนักถ้าคุณขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วและเดินทางไปไกลจากกรุงเทพมหานครราวๆ   170   กิโลเมตร แต่เรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อเรากลับมากทม. ผมขับรถไปกว่า 372  กิโลเมตร  ทว่าผมกลับเติมน้ำมันคืนถังเพียง  26.52  ลิตร ..มันน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง และเมื่อคำนวณอัตราประหยัดออกมาได้  14.02 กิโลเมตรต่อลิตร แม้ว่าคุณจะวิ่งด้วยความเร็วก็ตามที

 

มันประหยัดใช้ได้...ไม่เลวเลยสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกกลางถึงแม้ว่า หลายคนอาจจะคาดหวังว่ามันน่าจะประหยัดมากกว่านี้ เมื่อ  Volvo   เคลมอัตราประหยัดเฉลี่ยที่   20  กิโลเมตรก็ตามที

ชีวิตคนเมือง....เป็นอีกด้านที่ต้องพิสูจน์ ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการจราจรในกรุงเทพมหานครหนาแน่นมาก แต่ Volvo  V40 Cross country D4 ก็พร้อมจะตอบโจทย์ในการขับขี่อย่างลงตัว ขนาดที่พอเหมาะพอดีของตัวรถ ทำให้เจ้าสวีดิชคันนี้ใช้งานง่ายดาย เหมาะสมกับชีวิตคนเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาที่จอดรถทำได้ง่ายมากขึ้น

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดขับลองหันมาใช้ระบบ Active Park Assisted   ผู้ช่วยมือขยันในการจอดรถขนานฟุตบาท คุณจะทึ่งในการทำงานของมัน ตลอดจนการจอดหรือถอยเข้าออกในซองก็ง่าย ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับรอบคัน บางคนเคยผ่านมือกับรถญี่ปุ่น อาจจะกังขาว่ารถราคา 2  ล้าน ทำไมไม่มีกล้องมองหลังมาให้ แต่จะแคร์ทำไม ถ้าคุณมีเซนเซอร์รอบคัน ที่ทำงานได้ดีกว่า ด้วยระบบ  Rear Cross Traffic Alert   รวมถึงในการขับขี่บนถนนคุณยังมีผู้ช่วยระแวดระวัง Blind spot  Information system คอยเตือนรถที่มาในมุมอับ ช่วยได้มากโดยเฉพาะการระวังมอเตอร์ไซค์ขาแว้นทั้งหลาย ทำให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยขึ้นมากมาย

ทว่าเจ้า Volvo  V40 Cross country D4 ก็ยังเป็นเสือร้ายในเมือง ด้วยกำลังแรงบิดที่มากกว่ารถกระบะบางรุ่นที่วางจำหน่ายในตลาด ทำให้มันสามารถเร่งได้ปลิวลม อย่าแปลกใจถ้าคุณจะโดนบรรดารถเก๋งตัวหรูจากเยอรมันค่อนขอดในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ แต่คุณพียงหยียบคันเร่ง ก็จะทิ้งพวกเขาไว้เป็นจุดบนกระจกมองหลังอย่างสะใจ

โดยเฉพาะเมื่อกำลังเครื่องยนต์  190  แรงม้า และแรงบิดสูงสุด   400   นิวตันเมตร ใช้งานอย่างผสมผสานกับขนาดตัวที่ออกแบบมาพอเหมาะพอดี ด้วยกำลังเครื่องยนต์มีแรงบืดระดับช้างสาร ไม่แปลกใจที่ตัวเองกลายเป็นคนขับรถเร็ว หรือเพื่อนๆ อาจจะเห็นว่าคุณขับรถเร็วไปโดยปริยาย จนคุณไม่สามารถหยุดหักห้ามตัวเองไม่ให้เสพติดอะดรีนาลีนทุกครั้งที่ใช้ความเร็ว

กล่าวถึงสมรรถนะผมเองมีโอกาสลองทดสอบเจ้า Volvo  V40 Cross country D4 อัตราเร่งสั้นๆ ภายหลังจบการทดสอบในเมือง บอกเลยว่าเจ้ารถคันนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

 

ตารางแสดงการทดสอบอัตราเร่ง  Volvo  V40 Cross country D4

 

ครั้งที่  1  

ครั้งที่ 2

ครั้งที่ 3

เฉลี่ย

อัตราเร่ง  0-100 ก.ม./ช.ม.

9.997

9.997

10.004

9.999

อัตราเร่ง  80-120 ก.ม./ช.ม.

6.000

6.000

6.000

6.000

 

                                                                                                                            

ในระหว่างการทดสอบเรามีผู้โดยสารในรถ  3 คน ขับบนถนนลาดยางทั่วไป วัดจากโปรแกรม   Torque OBD  ปรากฏว่าเจ้า  Volvo  V40 Cross country D4 แสดงความสามารถสุดระทึกเร่งได้อย่างเร้าใจอย่างสนุกสนาน  ด้วยอัตราเร่ง  0-100  ก.ม./ช.ม.  ในเวลาเฉลี่ย  9.999  วินาที  และมีอัตราเร่ง  80-120  ก.ม./ช.ม.  ในเวลาเฉลี่ย  6  วินาที ยิ่งถ้าแถวบ้านคุณมีทางตรงยาวๆ ให้ลองซัดด้วยความเร็ววัดกัน 0-200 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถทำได้ในครั้งเดียวด้วยเวลา  40   วินาที

เพียงแต่ต้องทำใจในสไตล์ของเครื่องยนต์ดีเซลในช่วงความเร็วหลัง   180  ก.ม./ช.ม.   ความเร็วจะค่อยๆ ขึ้น และจะใช้เวลามากขึ้นเมื่อคุณทะลุ 200 ก.ม./ช.ม.   ไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดเจ้า  Volvo  V40 Cross country D4 กลับทำให้เราประหลาดใจเมื่อค้นพบว่าความเร็วสูงสุดมันไปได้ไกลกว่าที่รายละเอียดทางเทคนิคในแคตตาล็อกบอกไว้ที่  210  ก.ม./ช.ม ทว่าในการทดสอบของเรา สามารถขับได้ถึง  221  ก.ม./ช.ม.

 

Volvo  V40 Cross country D4 เร้าใจสมรรถนะ ประหยัดเข้าท่า ..

 

ปกติแล้วในการทดสอบรถของผม ไม่บ่อยนักที่เราจะค้นพบความประหยัดกับสมรรถนะสามารถควงแขนไปด้วยกัน  Volvo  V40 Cross country D4 เป็นหนี่งในรถยนต์ที่ผมขึ้นบัญชีน่าซื้อเอาไว้ให้กับใครก็ตามที่มองหาสมรรถนะในการขับขี่ แต่ยังรู้สึกว่าอาจจะต้องกระเบียดเงินในกระเป๋าเพื่อสนองความรู้สึกส่วนตัว

ราคาที่แพงกว่า  2  แสน ในมุมมองของ   Bonn  เอง กลับรู้สึกว่า มันคุ้มค่านะที่จะจับจองเป็นเจ้าของ Volvo  V40 Cross country D4 คันนี้ มันขับได้สนุกกว่ามากมาย เครื่องยนต์ก็มีเสียงอันทรงพลัง แม้จะน่ารำคาญเสียงเครื่องที่ค่อนข้างดังอยู่บ้าง เมื่อคุณมองแล้วพบว่า นี่มันรถเก๋งนะไม่ใช่อเนกประสงค์ 

ทดสอบรถยนต์  Volvo  V40 Crosscountry  D4

ถึงจะมีเรื่องเสียงดังกวนใจบ้าง แต่มันก็คุ้มค่าด้วยความประหยัด และผมก็ได้อัตราประหยัดในเมืองอยูที่   13.9   กิโลเมตร/ลิตร ผมเองมีข้อติติงกับ   Volvo   เสมอเมื่อขับในเมืองว่า ความจริงมันควรจะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าระบบ   Start-Stop   เครื่องยนต์ทำงานบ่อยขึ้น สืบเนื่องจากการตั้งค่าเมืองหนาวและต้องการสร้างความสบายสูงสุดในการโดยสาร 

ส่วนระบบ Eco Plus  โหมดประหยัดสุดติ่ง ผมลองใช้ดูแล้ว ไม่แตกต่างจากที่เคยสัมผัสไปใน   Volvo  XC 60 มันขับค่อนข้างยากไปนิดต้องอาศัยความคุ้นชิน ทว่าด้วยความสามารถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความประหยัดอยู่แล้ว ก็แทบไม่จำเป็น แล้วท้ายสุดเจ้า  Volvo  V40 Cross country D4 ก็กลายเป็นรถที่สร้างความรู้สึกครั้งแรกว่า มันจะประหยัดไปไหน เพราะขับเท่าไร น้ำมันก็ไม่ลดเสียที แถมตอนเอากลับไปคืน   Volvo   ยังมีน้ำมันเหลือเกือบครึ่งถังอีกด้วย ....  ที่สำคัญ รถคันนี้คือมือปราบรถแต่งที่ดีอีกคัน เพราะคุณสามารถเร่งแซงทุกเมื่อได้ตามต้องการที่อยากทำ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสนุกไล่บี้เด็กๆนานแค่ไหน

สมรรถนะและความประหยัด... เป็นสองสิ่งที่ผู้คนถวิลหาเสมอมา วันนี้ เจ้ายนตรกรรมชั้นนำจากสวีเดน  Volvo  V40 Cross country D4 ผ่านบทพิสูจน์กับผมแล้วว่ามันมีดีมากกว่าที่เห็น เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ตอบโจทย์ เรื่องความประหยัดในการขับขี่และยังสนองตัณหาความเร็วของคุณได้พร้อมกัน.....ผมว่าคุ้มนะ ถ้าคุณมีงบประมาณมากพอและพร้อมที่จะจ่ายเพื่ออะไรที่มากกว่าเดิม ในราคา  2.099 ล้านบาท

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@nattayodc)

ภาพโดย Top Taro - ณัฐยศ ชูบรรจง

 

รถทดสอบ   Volvo V40 Cross Country D4

ราคาจำหน่าย 2,099,000 บาท

สรุปอัตราประหยัด

 

อัตราประหยัด (กิโลเมตร/ลิตร)

ในเมือง

13.9

นอกเมือง*

14.02

*นอกเมืองขับความเร็ว   130-160   ก.ม./ช.ม.

 

สิ่งที่ชอบ >>> การออกแบบตัวรถยกสูงทำให้คุณขับใช้งานได้ง่ายดายตามทางหลวงต่างๆ แต่ดีไปว่านั้น คือคุณมีเครื่องยนต์ที่ตอบโจทย์เร้าใจในสมรรถนะแต่ยังประหยัด และรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

 

สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ความรู้สึกหน้าหนักของตัวรถ เป็นสิ่งที่น่ารำคาญใจ ยิ่งคุณขับรถด้วยระบบ  Lane Keeping Aid   และ ระบบ Star-Stop   ที่ยังทำงานน้อยไปตอนกลางวัน

 

สิ่งที่อยากให้มี >>> หลังคาซันรูฟสักบานก็น่าจะดี  รวมถึงเราเฝ้ารอดูสมรรถนะรถคันนี้เมื่อแต่งจัดเต็มเป็น   Pole star

 

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ >>> นี่คือรถที่ตอบการขับขี่ได้ดีกว่าที่คุณคิด มันทั้งประหยัดและมีสมรรถนะครบมือ เพียงแต่คุณต้องทำใจว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก  2  แสนจากรุ่นเครื่องเบนซินที่มีออพชั่นเท่ากัน ทว่าคุณก็จะได้ความประหยัดและความเร้าใจชวนระทึกมากกว่า และคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

 

เทียบกับ คู่แข่ง  >>> น่าสนใจกว่าตรงที่นี่คือเก๋งยกสูง ที่มาพร้อมเครื่องดีเซล ซึ่งตรงกับบุคลิกของมัน ... และยังไม่มีใครเป็นคู่แข่งในเซกเม้นท์นี้

 

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ