Full Drive : Nissan Navara NP300 กระบะแกร่งวิญญาณเก๋ง ตัวตนเจ๋งที่น่าคบหา

  • โดย : Autodeft
  • 30 ต.ค. 57
  • 46,820 อ่าน

ในที่สุดเวลานี้ก้มาถึงแล้ว ขอเชิญพบกับบททดสอบ Nissan Navara NP300 ใหม่ ได้เลย ตัวตนที่ใหม่ของกระบะแกร่งที่มาแบบจัดเต็มในรุ่นใหม่

 

 

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

ตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน ต้องยอมรับตามตรงว่าประเทศไทย ถูกต่างชาติมองมาอย่างต่อเนื่องว่าเรานั้นเจ๋งจริงๆ เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ในกลุ่มกระบะ ที่ยอดขายดีมากจนไม่แพ้ ประเทศชั้นนำอย่างอเมริกา ซึ่งแม้บ้านเราจะไม่มีกรถกระบะใหญ่ในขนาด  full Suze Pick up   จำหน่าย ก็ทำให้ เราคือเสือเบอร์ 1  ของกระบะขนาดกลางที่ไม่ว่าใครก็คงจะรู้ซึ้งแล้วว่าคนไทยชอบกระบะจริงๆ

ค่ายรถยนต์หนึ่งที่เคยเป็นอันดับหนึ่งขึ้นชื่อเรื่องรถกระบะมายาวนานในตัวตนที่เน้นในสมรรถนะในการใช้งาน ตามสไตล์รถกระบะ ที่ต้องแกร่ง บึก ถึก ทน Nissan  ก็ถือว่ามีชื่อเสียงมายาวนานที่สั่งสมมาตั้งแต่ครั้ง  Datsun  จวบจนมาถึงรุ่นก่อนหน้า ที่ เปลี่ยนชื่อจาก  Nissan Frontier   สู่   Nissan  Navara  ที่มาพร้อมวลีเด็ดที่ปลุกให้   Nissan  มาหายใจลดต้นคอค่ายคู่แข่งชั้นนำหลายๆ แบรนด์ ที่ทำให้หลายคนได้ตระหนักว่า พวกเขากลับมาแล้วและเอาจริงมากขึ้นในกลุ่มกระบะ ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำว่า “ขอบคุณ  Navara

Nissan Navara เรียกว่าในช่วงตลอดอายุขับของมันในรุ่นที่แล้วเป็นกระบะที่มีความสำเร็จสูงในแง่ยอดขาย ที่ทำได้ดีเข้าถึงทุกคนที่อยากมีรถ ตั้งแต่ขนผักตลาดไท หอบฟักแม้วจากเหนือลงกทม. ไปจนถึงรถเทศกิจในกทม. และหรือคนทั่วไปที่เริ่มคลั่งไคล้รถกระบะเอาไว้ลุยแบบ  4  ประตู ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในวันว่าง ซึ่งนั่นทำให้  Nissan  กลายเป็นม้ามืดที่มาแรง ไปโดยปริยาย

7 ปี ผ่านไป ในระหว่างที่ Nissan Navara รุ่นเดิมเริ่มยอดตก ปรับโฉมแล้วปรับอีก ออพชั่นใหม่ๆ พยายามยัดเข้ามา แนวทางของ   Nissan สำหรับแนวคิดว่ากระบะรุ่นต่อไป ก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นว่า พวกเขาต้องการที่จะทำให้   Nissan Navara  กระบะที่ดูแกร่ง มีออพชั่นต่างๆ ที่ประดุจรถเก๋งมากขึ้น แต่ที่ปรับกันแล้วปรับเล่า ภาษาเทคนิคเรียกว่า โคตร!! Customize  รถที่ดูจะไม่สามารถไปเกินลิมิตได้มากกว่า และนั่นคือขีดสุดของ   Nissan Navara  D40   แล้ว และได้เวลาที่รุ่นใหม่จะต้องออกมาตอบโจทย์แทน รุ่นเดิม ....

มาถึงตรง สารภาพบาปตามตรงกับ  Nissan ประเทศไทยเลยว่า วันที่  Nissan Navara NP 300 ได้รับเกียรติเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรกในโลก จาก Nissan Global   นั้นเราไม่ได้ย่ำเท้าไปที่งาน แต่ส่งทีมงานไปแทน เนื่องด้วยภารกิจต่างๆ กระแทกเข้ามาชนิด แทบอยากจะโคลนนิ่งแยกร่างให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

และคงเป็นผลพวงจากกรรมที่ก่อไว้กับ   Nissan  ทำให้  พวกเขาไม่เชิญเราไปทดสอบกลุ่ม ที่มีขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนผู้เขียนก็พูดตามตรงเลยว่า เว็บเราไม่ได้รับเชิญไปในงานดังกล่าว แม้หลังบ้านจะมีคนถามผมมามากว่า  Nissan Navara NP 300 ใหม่เป็นอย่างไรบ้าง .....และคำตอบที่บอกได้ในชั่วโมงนั้น คือ “ผมไม่มีโอกาสได้ลองครับ” ถือเป็นคำตอบที่ผมไม่เคยต้องตอบกับท่านผู้อ่านมาก่อน

ที่จริงต้องบอกก่อนเลยว่า การได้   Nissan Navara NP 300  มานั้น ค่อนข้างจะเป็นความโชคดี หลังจากที่ Nissan  ไม่ค่อยจะปล่อยรถทดสอบบ่อยนัก ก่อนหน้าด้วยความสัจจริงว่า ยังไม่ได้ลองขับรถยนต์หลายรุ่นของ  Nissan  ย้อนไปตั้งแต่  Nissan Juke  โน่นแหน่ะ จนกระทั่ง พี่ทีมงานท่านหนึ่งในออฟฟิศเรา ออกรถใหม่ป้ายแดงมา นั่นจึงทำให้เราได้เริ่มตระหนักว่า รถยนต์หลายรุ่นในค่ายนี้ยังไม่ผ่านมือเรา ทั้งที่หลายรุ่นก็เป็นที่สนใจและน่าจะขายได้ดีพอสมควร

ทีแรกบอกตามตรงครับท่านผู้อ่าน ผู้เขียนนั้นจะยืม   Nissan juke  มาทดสอบ แม้รถจะเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง แต่ก็ยังไม่ค่อนเห็นรีวิวเต็มๆ ออกมามากมายนัก เราอยากจะเอามันมาทำรีวิวเจ๋งๆ ดูสักทีขับควงใช้ชีวิตกับมันสักรอบ แต่แล้วเมื่อผมเจอทีมงาน Nissan   ที่สนามบุรีรัมย์ ในคราวนั้นพวกเขาพาขบวนสื่อมวลชนไปชม  Nissan GT-R   ที่มาหวดในสนาม เป็นรถแข่งที่หลายทีมใช้ในการแข่งขัน ก็ได้ความเล่าเรื่อง

“พี่..ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” น้องเบนซ์ PR ที่ Nissan  เดินมาทำสีหน้าเคร่งเครียดมาก...จนผมรู้สึกเริ่มไม่สบายใจ ว่า..อะไรล่ะคราวนี้  “คืองี้พี่  Nissan Juke เขาเก็บเข้ากรุไปแล้ว” 

ในใจตอนนั้นคิดเอาแล้วไง ...Nissan เล่นเราอีกแล้ว ใจลึกๆ เริ่มถอนหายใจ กับค่ายรถยนต์รายนี้ ทั้งที่ส่วนตัวเองแอบเชียร์ค่ายรถยนต์รายนี้มานาน ชอบรถหลายรุ่น เคยใช้รถบางรุ่น โดยเฉพาะ  Nissan  Navara  เรียกว่าเป็นคู่หูคู่ลุยกันมายาวนาน แต่แล้ว

“ตอนนี้ผมมีให้พี่เลือก  Nissan  Livina  กับ   Nissan Navara พี่เอาคันไหนดี ...”

โธ่...ท่านผู้อ่านครับมาถึงตรงนี้ มันเหมือนเสียงสวรรค์ ฮา...ฮัลเลลูย่า.ฮัลเลลูย่า เลยทีเดียว...และคงไม่ต้องเดาให้มากความว่าผมจะเลือกอะไร และแน่นอน เราเลือก  Nissan Navara  ใหม่ที่หลายคนสนใจ มาทดสอบกัน !!!

 

น่าเรียกว่า นี่เป็นรถทดสอบคันแรกที่ทำให้เราเนื้อเต้นอย่างมากที่รู้ว่ากำลังจะได้มันมาขับขี่ ที่จริงตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงวันรับรถ เราแทบไม่เห็นรถ  Nissan Navara NP300 บนถนน จนกระทั่งวันนี้ที่รอคอยมาถึง หลังจากวิ่งหน้าตั้งหอบรับประทาน เพราะกิจการงานเยอะ มายังนิสสัน ก็ได้เวลาที่จะพบเจ้ากระบะแกร่ง คันนี้

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ เว็บไซต์ Autodeft.com

การพบเจอ   Nissan Navara NP 300 ในครั้งนี้น่าจะเรียกว่าเป็นครั้งที่สองของเรา หลังจาก ไปเดินลูบๆคลำๆ ดูมันในงาน   big Motor Sale  เมื่อช่วงหลังจากที่นิสสัน เปิดตัว Nissan Navara NP 300 ซึ่งมันมาพร้อมกับการออกแบบเส้นสายใหม่ล่าสุดของ   Nissan  บ่งบอกถึงความทันสมัยในตัวตน และดูมีความกลมกลืนในเรื่องความหรูหราเข้ามาสอดผสานในรุ่นนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า   Nissan  ยังคงติดภาพกระบะที่ต้องออกมาในทรงเหลี่ยม โจทย์ที่ทำให้   Nissan Navara  ตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้ ดูเป็นรถที่เชยระเบิด หลังจากเจอเพื่อนและคู่แข่งออกแบบรถมาในทรงที่ดู บ้างสปอร์ต บ้างแกร่ง แต่เกือบทุกค่ายแทบไม่เป็นทรงหลี่ยมกันแล้ว

ทีแรกที่น้องในทีมงาน Autodeft.com  เราส่งภาพสดจากงานเปิดตัว   Nissan Navara ที่ใช้ไทยเป็นสถานที่   World Debut  Nissan Navara NP 300  นั้น บอกตามตรงในฐานะคนที่เคยใช้อดีต   Nissan Navara  ว่า มันไม่รู้สึกเหมือนรุ่นเดิม เมื่อครั้งเปลี่ยนถ่ายจาก  Nissan Frontier มาสู่  Nissan Navara  D40 ที่สร้างความ ว้าว!! เมื่อเห็นมัน

ในคราวนั้น Nissan  ทำการบ้านมาค่อนข้างหนักกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด เส้นสายในตอนรุ่นเดิม   Nissan Navara  เรียกว่า ฉีกของเดิมแทบทุกมุมมอง ไม่เหลือเค้าโครงของความเป็น Nissan Frontier   เลยก็ว่าได้

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

แต่ใน  Nissan Navara NP 300 ในความรู้สึกแวบแรกที่เห็นรูป มันเหมือนเป็นการอัพเกรดเส้นสายในรุ่นเดิมของ Nissan Navara ให้ดูดีขึ้นตามยุคตามสมัยมากกว่า

ตัวตนของ Nissan Navara NP 300 ให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันดูสวยขึ้นสง่ามากขึ้นกว่าเดิม ดูมีความลงตัวมากขึ้น ตั้งแต่ด้านหน้าที่มาพร้อมกระจังหน้าโครเมี่ยม ทรง   V Strut   จิตวิญญาณของกระบะ   Nissan ทุกรุ่นที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ลงตัวกับการนำเสนอความหรูหราระดับพรีเมี่ยมมากับไฟ  Day Time Running Light  ทรงบูมเมอแรงเพิ่มความลงตัวในการขับขี่มากขึ้นในสไตล์ของความเป็นเก๋ง ที่ผสมผสานเข้ามากับชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ที่มีมาให้ตั้งแต่รุ่นขับสองยกสูง  Nissan Navara NP 300 Calibre  เป็นต้นไป

ใบหน้าที่ทันสมัย  Nissan Navara NP 300 แนะนำตัวเองด้วยเส้นสายที่ดูมีอะไรมากขึ้น ความเหลี่ยมของรถถูกลบไปบ้างในบางมุม แล้วเติ่มสไตล์ความแกร่งที่ออกแนวทันสมัยเข้ามา หากสังเกตให้ดี จะเห็นชัดว่า การให้เส้นสายในอารมณ์การออกแบบ Nissan Navara NP 300 ตั้งแต่กันชนหน้าที่แอบมีความสปอร์ตเล็กๆ ฝากระโปรงหน้าที่ยกสูงขึ้นนิดหน่อย ให้มุมลาดเทและมีลูกเล่นของเส้นสายบนฝากระโปรง  หรือจะเป็นแก้มข้างที่ชุดโป่งล้อเป็นงานปั้มขึ้นรูปทั้งชิ้น ให้รายละเอียดในความเป็นคมสันของตัวรถ มันคือการเน้นตัวตนในความสปอร์ต ที่มาบรรจบกับความแข็งแกร่งบึกบึนได้อย่างลงตัว

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ข้อเท็จจริงดังกล่าว หากคุณไม่เชื่อว่า  Nissan  กำลังพยายามทำกระบะให้เป็นรถสปอร์ตในสไตล์ของพวกเขา ให้คุณสังเกตฝาท้ายของ Nissan Navara NP 300 ที่มาพร้อมกับ สปอร์ยเลอร์ในตัวมันเองในทรวดทรงที่ชาวซิ่งเรียกมันอย่างคุ้นปากว่า “ตูดเป็ด” และคนที่ชอบรถสไตล์สปอร์ตคงจะชอบมันอย่างมกา แต่กับคนทั่วไปหลายครั้งหลายคราว เข้าคงคิดว่า มันเป็นที่วางขวดน้ำหรือแก้วน้ำ ในยามที่คุณปิกนิกหลังรถมากกว่า

ท้ายสุด  Nissan Navara NP 300 ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงด้วยการยัดล้ออัลลอยขอบ 18  นิ้ว หน้ากว้าง  7  นิ้ว ที่มาพร้อมยาง 255/60/R18  จากโรงงาน ซึ่งคงไม่ต้องกล่าวแล้วกระมังว่า  มันสปอร์ตมากขึ้นดูแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ตัวตนที่เราเห็นทั้งหมดใน Nissan Navara NP 300 ใหม่ ทั้งหมดอยู่ในร่างที่มีความยาว  5,255 มม. กว้าง 1.850  มม. สูง 1,820 มม. และมาพร้อมระยะฐานล้อ  3,150  มม. ในขณะที่เจ้ารถทดสอบ Nissan Navara NP 300 ของเราเป็นรุ่น   VL   เวอร์ชั่นขับเคลื่อน   4  ล้อ ทำให้มันมีระยะต่ำสุดจากพื้นมากถึง  220 มม.  ไม่หวั่นในการส่ง   Nissan NP 300   เข้าบุกป่าฟ่าดง บุกตะลุยอย่างถึงกึ๋น

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

หากมองจากมิติต่างๆ ระหว่างรถ Nissan Navara  NP300 แม้จะเป็นเวอร์ชั่นขับเคลื่อน   4  ล้อ สำหรับขาลุย ก็ต้องยอมรับว่า รถกระบะคันนี้ในสไตล์ บึกดุ กลับไม่ได้ดูโตอะไรมากมาย แม้เส้นสายของรถจะทำให้มันน่าเกรงขาม แต่ถ้าคุณเริ่มก้าวขึ้นรถ  Nissan Navara  NP300 มันไม่ยากกอย่างที่คิดอย่างน้อย สำหรับสตรีตัวเล็กไซส์ หญิงไทย ก็ไม่ถึงอารมณ์ขนาดว่าจะต้องคลานขึ้น ทั้งที่รถดูใหญ่ ซึ่งเป็นข้อดีของมันเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

เปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร อารมณ์แกร่งภายนอก  ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากภายใน ที่คุณสามารถสัมผัสได้ในความเป็นรถเก่ง ที่แฝงในตัวตนของรถยนต์   Nissan Navara  NP300

ภาพลักษณ์ในห้องโดยสารเกือบทั้งหมด เป็นที่คุ้นตาของใครหลายคน ยิ่งใครที่สาวกนิสสัน คงจะบอกว่า เฮ้ย!!! นี่มันรายละเอียดห้องโดยสารเดียวกับ   Nissan Teana  เลยนี่หว่า ... ใช่!! และไม่แปลกใจเลยถ้าคุณๆ จะรู้สึกแบบนั้น เพราะ แม้แต่เรายังรู้สึกว่า ห้องโดยสารของรถทั้งสองมาพร้อมรายละเอียดที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเริ่มจากภายในที่มาพร้อมในโทนสีดำ ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมดุดัน ทั้งยังมีส่วนดีที่มันไม่ทำให้ไม่รู้สึกว่ามันจะเขรอะเปรอะ แต่ก็มีสีเบจให้เลือกสำหรับใครที่ชอบความสะอาดสะอ้าน

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

หย่อนตัวลงบนเบาะนั่ง ที่นั่งขนาดใหญ่ ใน  Nissan Navara  ให้การต้อนรับเรา เหมาะสำหรับคนที่สรีระใหญ่อย่างผู้เขียน ที่สามารถนั่งได้อย่างสบายที่นั่งๆ อาจจะไม่ได้เน้นความกระชับในการโดยสาร แต่ก็ลงตัวในการใช้งาน ซึ่ง  Nissan  แนะนำเทคโนโลยี   Spinel Support  การออกแบบที่นั่งแบบเดียวกับที่นักบินอวกาศใช้   เพิ่มความสะดวกสบายด้วยการปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ ถ้าเดินทางไกล ก็ยังมีระบบดันหลังให้ความสบายเพิ่มมากยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา

ขณะที่เบาะฝั่งคนนั่ง ดูไม่ค่อยลงตัวมากมายนัก เรามีโอกาสนั่งในระยะทางสั้นๆ บ้าง แล้วพบว่าเบาะฝั่งคนนั่งตัวที่รองนั่งค่อนข้างสั้นไปนิด ในขณะที่เบาะนั่งตอนหลัง ยังคงเป็นหนึ่งในหลายส่วนที่ดี เรารู้สึกว่า   Nissan  เอาบทเรียนจากรุ่นที่แล้ว ที่เน้นการนั่งแบบชันหลังค่อนข้างมาจนเป็นคำวิจารณ์จากผู้ใช้มาปรับปรุง

แต่ในภาพรวมของการนั่งโดยสารตอนหลังของ   Nissan Navara  นั้น ยังค่อนข้างที่ยังนั่งที่ชันเขา เกรงว่าอาจจะเมื่อได้ถ้านั่งทางไกล ทว่าหายห่วงเรื่องความสบายด้วยช่องแอร์ ช่วยในการกระจายอากาศตอนหลัง คล้ายในรถยนต์ซีดานกลางสุดหรู แต่จะติดก็ตรงที่วางขวดและแก้วน้ำที่พื้น ซึ่งอาจจะทำให้การโดยสาร 5  คน เป็นไปได้ยากสักหน่อย

ตรงหน้าคนขับ  Nissan Navara  NP300 มาพร้อมมาตรวัดที่ให้ความหรูหรา โดยเฉพาะจอแสดงผลข้อมูลตรงกลาง นั้น ยังสามารถแสดงผลในแบบสามมิติบนจอสีขนาด 5  นิ้ว ในการให้ข้อมูลต่างๆที่มีความจำเป็นในการขับขี่  สามารถบอกได้ทั้งลักษณะการขับขี่ ต่างๆ ไปจนถึง ระยะทางที่เหลือในการเดินทาง ที่สำคัญ ยังสามารถเปรียบเทียบสไตล์การขับขี่ของคุณ ผ่านค่าเฉลี่ยในอัตราประหยัด ถือเป็นชุดจอที่มีความอัจฉริยะมากพอตัวเลยทีเดียว

วงพวงมาลัย ออกแบบมาในสไตล์  3  ก้าน ให้ความรู้สึกสปอร์ตหรู ด้วยการตบแต่งอลูมิเนียม พร้อมปุ่มต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมสั่งการทั้งชุดหน้าจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ รวมถึงระบบเครื่องเสียงความบันเทิงภายในรถยนต์ ส่วนฝั่งขวามือ เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ  Cruise Control   ที่ให้ความสะดวกสบายมากขึ้นในยามเดินทางไกล เช่นเดียวกับปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์ หากคุณ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนไว้กับเครื่องเสียงด้วยสัญญาณบูลทูธ จะช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกขึ้นเยอะ

ไหนๆ พูดถึงระบบความบันเทิงใน Nissan Navara  NP300  เราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุในการณ์ มาตอนที่ต้องเซทระบบเครื่องเสียงให้เชื่อต่อกับโทรศัพท์ไม่ได้

ระบบเครื่องเสียงภายใน Nissan Navara  NP300 ค่อนข้างที่จะใช้ของดี ด้วยเครื่องเสียง Kenwood รุ่น   DNX7330BT   ซึ่งทำงานง่ายไม่ยากผ่านชุดหน้าจอสัมผัสขนาด  7  นิ้ว ในตัวสามารถเชื่อมต่อได้กับหลายอุปกรณ์ ทั้ง  เครื่องเล่นพกพา ผ่านช่อง  USB  และหรือสายสัญญาณ AUX ไปจนถึง  smart Phone ที่สามารถใช้การเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth และในตัวเครื่องเล่นยังมาพร้อมระบบนำทางในตัว ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น  VL   ตัวท๊อปเท่านั้น

ความสามารถที่มากมาย ของเจ้าเครื่องเสียงจาก Ken Wood นั้นดูจะมีอะไรดีๆ มากมายในตัว แต่ความสามารถที่หลากหลาย ก็กลับกลายเราต้องมาเรียนรู้การใช้งานมัน จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อันที่จริงต้องบอกเลย ว่าการทะเลาะกับเครื่องเสียงในรถยนต์นั่นค่อนข้างอันตรายมากเพราะคุณจะพะว้าพะวง และรู้สึกว่า เฮ้ย!! ถ้ามันฉลาดขนาดนั้นมันน่าจะทำได้สิ แต่ถ้าคุณหาไม่เจอทำงานไม่ได้ ก็จะมีความรู้สึกอันน่าหงุดหงิด และคุณจะไล่สาละวนหาอยู่นั่นแหละจนกว่าจะเจอ

ส่วนตัวผู้เขียนแล้ว เราเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างว้าวุ้นใจเมื่อทำอะไรแล้วมันค้างคาและ การปั้นผีลุกปลุกผีนั่งในเรื่องของระบบความบันเทิงภายใน Nissan Navara  NP300 หลังจากที่เราเดินทางในเมืองฟังวิทยุ  FM   มายาวนาน เราก็เริ่มเบื่อพวกโฆษณาที่มากมายในรายการ จึงเริ่มเชื่อมต่อระบบความบันเทิง กับโทรศัพท์ส่วนตัวที่จุเพลงที่ชอบเอาไว้

ระบบน่าจะทำงานง่ายในการเชื่อมต่อ ซึ่งปกติมันไม่ยากมากมายนัก ยิ่งกับเครื่องเสียงแถวหน้าอย่าง Ken Wood   ด้วยแล้ว พวกเขาน่าจะเข้าใจในเรื่องของความง่ายดายในการใช้งาน ทว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นงานหินขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเราลองการทำการเชื่อมต่อในหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับไม่สามารถเชื่อมต่อ

โทรศัพท์ พังหรือ...ในใจคิด .. ...ไม่.ไม่สิ เพราะก่อนหน้านี้ เพิ่งใช้กับรถทดสอบคันอื่นก่อนหน้ามันก็ยังใช้งานได้

เรื่องการเชื่อมต่อนี้ จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ในการเดินทางที่ทำให้เราว้าวุ้นใจว่า   ระบบของเครื่องเสียง Kenwood  บน Nissan Navara   นั้น ดูที่จะใช้งานยากไปจริงๆ

 แต่ความจริงท้ายที่สุดแล้ว คุณต้องเรียนรู้ระบบทำงานของเครื่องเสียง ซึ่ง เครื่องเสียง Ken Wood   รุ่นที่อยู่ใน Nissan Navara  NP300 นั้นจะสามารถเชื่อต่อมือถือได้เพียง 5  เครื่องเท่านั้นและถ้าเกินกว่านั้นจะไม่สามารถเชื่อมต่อได้ และคำตอบนี้เราร้าจาก   google   ซึ่งข้อจำกัดบางอย่างทำให้รถกลายเป็นใช้งานยากโดยปริยาย

 

Nissan Navara  NP300  บทพิสูจน์ในป่าคอนกรีต ตัวตนที่ยังไม่ลงตัว

 

ย้อนกลับไปตั้งแต่รุ่นที่แล้ว   Nissan  ใช้ความชาญฉลาดในการทำตลาดรถยนต์กระบะของพวกเขา หลายค่ายรถยนต์มักจะมาพร้อมเครื่องยนต์สองทางเลือกสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน แต่   Nissan  เป็นค่ายรถยนต์รายเดียวในตอนนั้น ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวในการทำตลาด ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด  2.5  ลิตร แต่แยกเป็น Mid Power  และ   Hi Power   มันมีความแตกต่างในการวิศวกรรมเครื่องยนต์บางประการ อย่างเช่นระบบอัดอากาศ และ การปรับจูนเครื่องยนต์ ซึ่งในรุ่นก่อนทำกำลัง   144  และ   178  แรงม้า ตามลำดับ

แต่ในรุ่นนี้ ตัวตนรถยนต์   Nissan Navara  NP300  ยังกลับมาอีกครั้งในแบบเดิม กลยุทธการแบ่งพละกำลังบนเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน ถูกนำมาเขย่าเป่าเสกใหม่ ภายใต้เครื่องยนต์ดีเซลแบบ  4  สูบแถวเรียงขนาด  2.5  ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน   VGS   เทอร์โบ  จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบ   ECCS  32  บิท ด้วยวิธีการคอมมอนเรล  โดยยังคงปริมาตรห้องเผาไหม้ที่มาพร้อมช่วงชัก  100.0  มม.  และขนาดกระบอกสูบ   89  มม. ทว่าการทำกำลังมีการขยับเพิ่มมากขึ้น 

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ในรุ่น   Mid Power   กำลังเดิมทีทำได้  144  แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที  และให้แรงบิด  356  นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ถูกขยับขึ้นมาเป็น   163  แรงม้า ที่  3,600  รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด     403  นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที

ในขณะที่รถทดสอบ Nissan Navara  NP300   VL 4X4  ของเรานี้ ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่เป็นในรุ่น   Hi Pwer   ซึ่งในยุคเมื่อ   6-7  ปีที่แล้วเครื่องยนต์บล็อกนี้ขนาด  2.5  ลิตร เป็นเครื่องยนต์ที่โจษจันมากในตลาด มันสามารถทำกำลังได้มากถึง   174  แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดได้ถึง   403  นิวตันเมตร ที่  2,000 รอบต่อนาที 

ทว่าในวันนี้ใต้ฝากระโปรง Nissan Navara  NP300   มันถูกปรับจูนกำลังมากขึ้น จนมายืนที่  190  แรงม้า ที 3,600 รอบต่อนาที และทำแรงบิดมากขึ้น เป็น   450   นิวตันเมตรที่  2,000  รอบต่อนาที ที่สำคัญในรุ่นใหม่ระบบเกียร์อัตโนมัติ ถูกปรับเป็น   7  สปีด สร้างความสั่นสะเทือนให้ตลาดอีกครั้ง

รถจอดชั้น  2  ครับ พี่   หนุ่มเบนซ์ ที่เราเจอที่สนามบุรีรัมย์ ชื่อเหมือนค่ายรถยนต์เยอรมัน  แต่เขาคนนี้คือคนที่เราไม่ลืมเมื่อหลายต่อหลายครั้งเบนซ์ เป็นคนที่ช่วยให้เราได้สัมผัสรถยนต์  Nissan  ..ครั้งนี้ก็เช่นกัน   เบนซ์เดินมาส่งเรากล่าวอำลา และได้เวลาทำงานอีกครั้ง

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

การสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกของ   Nissan Navara  NP  300 ทำเอาเรางง เป็นไก่ตาแตกในรถ เมื่อเรากดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ดูเหมือนๆ กันในรถยนต์  Nissan  ทุกรุ่นลงไป แต่เครื่องยนต์กลับไปมีอาการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้น

สมองตอนนั้นแล่นอย่างรวดเร็วประมวลผล เตรียมที่จะเอามือคว้ามือจับประตูรถ ลงไปถามชายเบนซ์ ที่ยังยืนอยู่ข้างรถ แต่ทันใดนั้น ..อื้ด.อึก...อึ้ก ..อึ้ก เครื่องยนต์ก็สตาร์ทติดขึ้น ซึ่งนับจากเวลาที่เรากดปุ่มจนมันจะเริ่มสตาร์ทใช้เวลาราวๆ  4-5 วินาที โดยประมาณ

ถ้าถามว่าเรื่องนี้ แปลกหรือไม่  จะว่าไปก็ไม่แปลกนัก แต่สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับเครื่องยนต์ดีเซลที่มาพร้อมระบบหัวเผา อาจจะรู้สึกหวั่นๆในยามใช้งาน ในครั้งแรกๆ แต่ก็จะคุ้นชินเมื่อใช้งานรถไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งหัวเผาจะทำหน้าที่ของมันเมื่อคุณสตาร์ทในขณะเครื่องยนต์กำลังเย็น และจะไม่เป็นอีก ถ้าเครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการทำงาน

 

 ผม และ  Nissan Navara  NP  300 ออกสู่ป่าคอนกรีตในโลกกว้าง ท่ามกลางการจราจรยามบ่ายเกือบจะใกล้ได้เวลาเลิกงานของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ

ความรู้สึกแรก หลังตบไฟเลี้ยวออกสู่ถนนในเมือง   Nissan Navara  NP  300 VL 4WD   อาจจะมีพละกำลังแรงมากถึง  190  แรงม้า แต่คุณอย่าคาดว่า เจ้ากระบะตัวบึกคันนี้มันจะเร่งแรง ออกตัวเอี้ยด!! ล้อฟรี ให้ชาวบ้านชาวซิ่งมาหมั่นไส้ว่ากระบะสมัยนี้มันแรงเหลือเกิน

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ร่างใหญ่ที่หนักของ  Nissan Navara  NP  300  VL  4WD ทำให้ทุกอย่างความรู้สึกที่หลายคนคาดหวังรวมทั้งเราไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อเหยียบคันเร่งลงไปรถจะออกตัวค่อนข้างหนืด ส่วนหนึ่งมาจากพิกัดของรถที่หนักถึง  1,960   กก. ถือว่าไม่เบาเลยกับเจ้ากระบะคันโตนี้ และมันทำให้การออกตัวค่อนข้างเป็นอย่างเชื่องช้า จวบจนเมื่อถึง  2,000 รอบต่อนาที ที่แรงบิดโผล่เข้ามาช่วยในการขับขี่ มันจะวิ่งดีขึ้นผิดหูผิดตา และจะเร่งดีต่อเนื่องไปจนถึงช่วงของแรงม้าสูงสุดที่ 3600 รอบต่อนาที

ความรู้สึกเดียวกันนี้ทำให้เรานึกกระบะจากค่ายคู่แข่ง ที่มีความรู้สึกใกล้เคียงกันมาก แต่ข้อดีของ  Nissan Navara  NP  300 คือคุณจะไม่รู้สึกถึงอาการ   turbo Lag  ซึ่งน่าจะมีเนื่องรถใช้เครื่องยนต์ขนาด 2500 ซีซี การทำกำลังที่มากขึ้น ย่อมหมายถึง มันต้องการระบบอัดอากาศที่มีปริมาตรใหญ่ขึ้นจึงจะทำกำลังได้มาก

หากด้วยการใช้เทคโนโลยี  VGS  turbo  เข้ามาช่วย ทำให้รถมีกำลังมากขึ้น ทั้งระบบครีบที่สามารถปรับตามความต้องการของฝ่าพระบาทของผู้ใช้ ทำให้มันตอบสนองได้ดีขึ้น บางครั้งเมื่อเหยียบจมรถจะออกตัวเร็วขึ้น แต่ไม่ถึงขนาดพุ่งพรวด ในทันทีทันใด

อีกประการที่สำคัญ ที่ทำให้รถออกตัวอืด นอกจากเรื่องของพิกัดน้ำหนักแล้ว ในใจลึกๆ ตอนขับขี่   Nissan Navara  NP  300 ในเมือง ค่อนข้างไม่เห็นค่อยเห็นด้วยที่ตัวท๊อปในรุ่น   VL มาพร้อมล้ออัลลอยขอบ 18  นิ้ว พร้อมยาง   255/60/R18  ซึ่งดูจะเกินความจำเป็นในการใช้งาน เพราะแค่เพียงขอบ 17  นิ้วก็ว่าค่อนข้างใหญ่พอตัวแล้วกับกระบะออกจากโรงงาน

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ยิ่งกว่านั้น ล้อและยางที่ให้มานี้ แม้จะช่วยในเรื่องความสวยงาม แต่ในการขับในเมือง จากที่สัมผัสมา มันกลายเป็นหอกข้างแค่ที่ทำให้ระบบกันสะเทือนของรถค่อนข้างที่จะมีความกระด้างแม้จะออกไปทางความหนึบแน่นมากกว่า แต่ในยามที่คุณขับไปในเมืองต้องผจญกับฝาท่อต่างๆในกทม. มันไม่สนุกเอาเสียเลยตัวรถที่ดูน่าจะนั่งสบายกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

เรามองว่าการให้ล้อขอบ 18  นิ้ว หน้ากว้าง  7   นิ้ว ในทุกรุ่นเหมือนกับล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว ที่นำเสนอในรุ่นล่างๆ  ตามที่ระบุมาในรายละเอียดทางเทคนิค ไม่ได้มีส่วนช่วยให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น แต่กลายเป็นว่าผู้ใช้ได้เรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียวเข้ามาตอบโจทย์ นี่ยังไม่นับว่า ยางรถกระบะขอบ 18  นิ้ว ยังค่อนข้างหายากในบ้านเรา และมีราคาแพงจนคุณอาจจะกระเป๋าฉีกกันเลยทีเดียว

แม้ต้องยอมรับว่าขับมาไม่นาน มีเรื่องให้จวกกันมากมาย  แต่ Nissan Navara  NP  300 ก็มีอะไรดีๆซ่อนอยู่ในตัว โดยเฉพาะระบบการควบคุมทิศทางผ่านพวงมาลัย ที่ลดระยะฟรีเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม แล้วเสริมความสปอร์ตให้มีความตึงมือขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าถามก็ยังมีระยะฟรีมากไปหน่อย ให้อารมณ์เหวออยู่บ้างในบ้างครั้ง แต่ทิศทางมัน ก็แม่นยำมากพอตัวที่ จะช่วยผสานทำให้รถกระบะคันโต สามารถขับได้ไม่แพ้รถเก๋งขนาดกลาง

และเมื่อบวกตำแหน่งเบาะนั่งที่สูง การควบคุมที่ดี  คุณจะไม่เชื่อว่า Nissan Navara  NP  300 สามารถขับในเมืองได้อย่างคล่องตัวพอสมควร แม้ว่าในบางถนนที่เลนถูกตีไว้แคบมันใหญ่บึกคับที่พอดีก็ตามที แต่การควบคุมบนพวงมาลัย ช่วยให้คุณเคลื่อนรถได้ใจต้องการ และเมื่อเรียนรู้กันเป็นอย่างดี มันก็จะกลายเป็นรถกระบะสุดเชื่องในตลาด ที่คุณไม่ต้องพะว้าพะวงในการขับเมื่อต้องเอามันขับเข้ามาซิ่งในเมือง

และท้ายที่สุด เราจบบททดสอบในเมือง Nissan Navara  NP  300 ด้วยอัตราประหยัดน้ำมัน   8.53  ก.ม./ลิตร จากปัจจัยการจราจรหนาแน่น และไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระเครื่อง  2.5  ลิตร  190  แรงม้า ที่ต้องลากตัวมันเองที่มีน้ำหนักเฉียดสองตัน และมาพร้อมล้อขอบ 18  ทำได้เท่านี้ก็บุญแล้ว ....

 

ตะลุยความหิน เส้นทางไปเหมืองปิล็อก

เส้นทางไหนที่เหมาะต่อการทดสอบ Nissan Navara  NP  300 ในยามที่เต้องขับนอกเมือง เชื่อไหมครับว่าโจทย์นี้ยากมาก ผมตั้งธงไว้หลายอย่างในการทดสอบครั้ง เริ่มจาก เราต้องได้ลุยเพราะรถที่มาเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4  ล้อ  เราต้องเดินทางไปกลับวันเดียว นั่นเพราะงานที่กองพะเนินที่เว็บไซต์ Autodeft   รวมถึงเส้นทางการทดสอบนั้นต้องมีความหลากหลายด้วย

ทั้งหมดนี้ เพื่อนผม นาย ออฟจากนิตยสาร Driven  หนึ่งในแม็กกาซีนทดสอบรถยนต์ชั้นนำของประเทศที่ไปบุกป่าฝ่าดงมาแล้วทุกเส้นทางในไทย บอกว่า ...แบบนี้ต้องเหมืองปิล๊อกเท่านั้น พลันว่าก็โชว์รูปบรรยากาศที่หยิบขึ้นแล้ว ทำให้ผมไม่ต้องตัดสินใจอะไรอื่นอีก นอกจากว่า “ไปมันที่นี่แหละ”

 ด้วยความสวยงามของพื้นที่ บรรยากาศที่เข้ามากกับ  Nissan Navara  NP  300 และท้ายสุดระยะทางอยู่ในช่วงทำการราว  346  ก.ม. แม้ว่า จะแอบงงๆ กับ   Google map ว่า เอ้ย มันบอกเดินทางตั้ง 5 ชั่วโมงเชียวนี่ !!!

ไม่เป็นไร ยังไงเราคงขับใช้เวลาไวกว่า ในใจคิดตอนรับ น้องท๊อปผู้ช่วยในการทดสอบรถขึ้นมาและออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท๊อปเองเป็นน้องใหม่ในทีมงาน autodeft.com  ที่ผมซุ่มฝึกฝนถ่ายทอดวิชาการทดสอบให้ ซึ่งในเร็วๆนี้ น้องท๊อป ก็จะมีผลงานทดสอบรถของตัวเขาเองมาให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้อ่านกัน  แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องไปผจญภัยกับผม ที่สุดขอบตะวันตกกัน

การออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้า ทำให้ช่วงสายๆ ไม่นาน เราก็มาถึงตัวเมืองกาญจนบุรี ต่อจากนั้น เราก็เริ่มเดินทางลึกเข้าไปในผืนผ่า ดินแดนที่เคยพิศวงจากการมาสร้างทางรถไฟสายมรณะของฝ่ายอักษะ  และยิ่งไกลตัวเมืองออกไป เราก็เริ่มเข้าสู่ถนนสองเลน ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เราใช้ความเร็ว  110-135  ก.ม./ช.ม. แล้ว แต่ช่วงที่เหมาะสมของถนน

ความรู้สึกแรกเมื่อเอา Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD  ออกมานอกเมือง ต้องยอมรับว่ามันเป็นรถที่ตอบโจทย์ในการขับขี่ดีกว่าในเมืองมาก

ส่วนหนึ่ง นี่อาจจะเป็นเพราะ นี่เป็นการเซทติ้งรถที่ทั้งหมดมาจากผู้ใช้งานจริง ผมจำได้ว่า พี่จิมมี่ แห่ง Headlightmag.com  เคยบอกในรีวิวตอนไปเทสกลุ่ม Nissan Navara NP300 ว่า  Nissan  เอาไอเดียทั้งหมดจากผู้ใช้จริง รถยนต์   Nissan Navara  เดิมมาปรับปรุงรถรุ่นใหม่ ให้มีความลงตัวต่อการใช้งานของผู้บริโภคมากขึ้น

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

รายละเอียดเชิงลึกในส่วนต่างๆของรถยนต์ Nissan Navara  NP  300 จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายสิ่งหลายอย่างดูเข้าทีต่อการใช้งานนอกเมืองมากขึ้นโดยเฉพาะปัจจุบันกระบะสี่ประตู กลายเป็นรถครอบครัว ที่หลายคนเอาไว้ใช้ไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ทำให้ถ้าพูดโดยอ้างอิงจากพี่จิมมี่ มันก็เป็นคำตอบที่สำคัญว่า ทำไม เราจึงรู้สึกดีกว่าเมื่อมันขับขี่นอกเมือง

เส้นทางไกลที่วิ่งไปตามการจราจร ที่ไม่มีการติดขัดใดๆ เครื่องยนต์  2.5 ลิตร   190  แรงม้า โชว์ศักยภาพของมันออกมาที่ทำให้เรารู้สึกว่าคันเร่งค่อนข้างจะเซทออกมาดี เครื่องยนต์ตอบสนองดีมากเร่งติดเท้ามากพอสมควร โดยเฉพาะในความเร็วช่วงใช้งานปกติ การมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7  สปีด   ทำให้มันใช้รอบเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างต่ำมากเป็นพิเศษ

โดยที่ความเร็ว   100 ก.ม./ช.ม.  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD  ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง  1800 รอบต่อนาที และเมื่อขยับขึ้นมาเป็น 120  ก.ม./ช.ม.  มันใช้เพียง 2200 รอบต่อนาที ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำมาก และยังมีดีที่มันใช้รอบใกล้เคียงรอบแรงบิดสูงสุด ทำให้ เวลาขับทางไกลๆ จะรู้สึกว่ารถเร่งดีแซงคนอื่นง่าย

โดยเฉพาะในช่วงถนนสองเลนที่อาจจะต้องอาศัยจังหวะในการเร่งความเร็ว เครื่องยนต์ที่มีกำลังเหลือเฟือตอบสนองการขับขี่ได้อย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งจะว่าไปเมื่อขับมานานๆ เรากลับเริ่มรู้สึกว่าเกียร์อัตโนมัติ  7 สปีดของ   Nissan Navara NP300  ค่อนข้างฉลาดมาก มันตบเกียร์ให้คุณอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกัน ถ้าคุณถอนคันเร่ง มันก็จะรีบทอนเกียร์รอเผื่อคุณจะใช้กำลังเร่งแซง หรือจะทอนไว้ช่วยในการเบรก ซึ่งเราไม่เคยเห็นระบบส่งกำลังไหน จะรู้ใจเราเท่านี้ และมันยิ่งทำรถขับสนุกมากยิ่งขึ้น

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ไม่นานนักเรามาถึงช่วงเขื่อนเขาแหลม ตลอดเส้นทาง ถนนที่ว่างไร้รถทำให้เราทำความเร็วได้มาก แต่แล้วบทพิสูจน์จริงใน Nissan Navara NP 300  ก็มาถึง เมื่อเราเริ่มเข้าสู่เส้นทางไป อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

ทางเริ่มคดเคี้ยวจนแผนที่ในรถแสดงเป็นทางซิกแซกตลอดอีกกว่า 30  ก.ม. ไปจนถึงปลายทางที่เราตั้งไว้ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เราเริ่มเข้าสู่โหมดของการบุกตะลุย ซึ่งเพื่อนออฟบอกเอาไว้แล้วว่า มันต้องมีแน่ แต่ใครจะคิดเลยว่าถ้าไม่บอกนี่คงนึกว่า ขับรถขึ้นมาทางเหนือผ่านเส้นทางของอำเภอเถินอะไรแบบนั้น เพราะที่นี่ความคดเคี้ยวของเส้นทางหินไม่แพ้กัน

การผ่านโค้งต่อโค้ง ทำให้เราเริ่มเห็นการทำงานของระบบพวงมาลัย Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD  ที่ตอบสนองได้ดี น้ำหนักกำลังดีพอตึงมือ ทำให้มันสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ตามต้องการ ติดเพียงระยะฟรีที่มากไปนิด ซึ่ง หากคุณต้องการความหนืดสักหน่อย การใส่ระบบขับเคลื่อน 4  ล้อ  เข้าไปในระหว่างที่ใช้ความเร็วไม่เกิน  100  ก.ม./ช.ม. เมื่อระบบทำการล็อคเป็นขับเคลื่อน 4  ล้อ ในโหมด  4H พวงมาลัยจะให้ความรู้สึกหนักขึ้นบ้าง แต่การเข้าโค้งจะลดการโคลงโยนตัวได้มากพอสมควร

เชื่อไม่เชื่อ..ก็ต้องเชื่อ!! คุณคิดว่าระยะทางกว่า 30  กิโลเมตร เราน่าจะใช้เวลากันสักเท่าไร จะเดินทางถึง ทีแรกเราก็ยิ้มกันแก้มปริ คิดว่าจะไว แต่เส้นทางที่คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามขุนเขาในสภาพป่ารถทึบทั้งสองข้างนี้เราใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆในการเดินทาง เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันกว่าจะมาถึงที่หมายของเรา

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

การพา  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD มาอุทยานแห่งชาติทองผาภูมินั้น ส่วนหนึ่งคือความต้องการในการทดสอบการลุย ซึ่งระหว่างทางขึ้นมาที่นี่มันพิสูจน์ไปแล้วว่าหลุมบ่อถนนตามต่างจังหวัดนั้นไม่คณามือมัน รวมถึง ระบบช่วงล่างเอง สามารถตอบสนองได้หลากหลายในการขับขี่

ย้อนกลับไปตอนช่วงทางหลวงถนนใกล้เมืองกรุง ที่เป็นถนนคอนกรีตและถนนลาดยาง ระบบกันสะเทือนของนิสสัน นาวาร่า ตอบตัวตนด้วยความนุ่มหนึบ ออกแนวรถเก๋งไม่มีผิดเพี้ยน แม้ตัวตนกระบะจะยังทำให้มันดูแข็งแอบมีกระด้างบ้างนิดหน่อย ก็ตามที แต่การเข้าโค้งในรุ่นใหม่ดีกว่าอย่างชัดเจน อาการโคลงออกแนวท้ายจะยกลอยจากพื้นในรุ่นเดิมนั้น ขาดหายไป

ในขณะที่เมื่อถึงช่วงตอนที่เราลุยขึ้นดอยมา การเจอถนน เสียๆ Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   ก็เริ่มโชว์ประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือน ด้วยด้านหน้าที่เลือกเอาระบบกันสะเทือนแบบ ปีกนกอิสระสองชั้นพร้อม คอยสปริงและเหล็กกันโคลง มาใช้ ส่วนด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพ ก็สำแดงความสามารถของมันให้เห็นว่า สามารถตอบสนองในการเดินทางได้

ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจน คือรถมีความนุ่มขึ้นลดดีกรีความแข็งกระด้างของระบบช่วงล่าง แล้วปรับออกไปในแนวของรถยนต์ที่มีดีกรีความสปอร์ตช่วงล่างของมันดูแน่นหนึบ แต่ในบางจังหวะ อาจจะรู้สึกว่าโช๊คดูนิ่มไปบ้างเช่นจังหวะกระโดดสะพาน เรารู้สึกได้ว่า  Nissan Navara  NP300 ใช้โช๊คหลังที่ค่อนข้างมีช่วงยืดยาว และมีจังหวะในการตอบสนองยืดและยุบช้า ทำให้รถดูดึ๋งดั๋งไปบ้างในบางจังหวะ

ทดสอบรถกระบะ  Nissan Navara NP300

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

อย่างไรก็ดีเราก็ยังขอยืนยันว่าล้อขอบ 18  นิ้ว ดูจะไม่เอื้อต่อการลุยมากอย่างที่คิด เพราะ มันให้ความกระด้างเมื่อรับแรงกระแทกจากพื้นถนน  โดยเฉพาะยามที่ต้องผ่านหลุมต่างๆ คนขับอาจจะรู้สึกว่าสนุกมันดี แต่ กับคนนั่งถ้าคุณไปกับสุภาพสตรีทรวดทรง Sex Appeal  เธอคงจะบ่นว่า รถนี่มันกระด้างจนนมชั้นกระเด้งไม่หยุดเลย ในยามที่คุณขับรถไปในเส้นทางเจอหลุมบ่อแล้วต้องลุย แต่ทั้งหมดนั้นมาจากล้อและยางที่ดูแล้วไม่เหมาะสมต่อการนำมาลุยมากมายนัก ถึงจะดูสวยงามและเข้ากับตัวรถก็ตามที

 ในที่สุด ถึงเวลาที่ Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   จะต้องพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางแบบ  Off road   เราจับมันลุยในระยะทางสั้นๆ ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อดูสมรรถนะในการขับขี่เริ่มจากการขึ้นเนินชัน สั้นๆ กำลังเครื่องที่เหลือเฟือของ มัน สามารถพาขึ้นได้อย่างสบายง่ายดาย และ ถ้าคุณติดบนกลางเนิน ก็ไม่ต้องหวั่นใจด้วย ระบบ  Hill Start Assisted   ที่ช่วยให้คุณเวลาในการเปลี่ยนเท้าจากตำแหน่งเบรกมายังคันเร่ง ทำให้การควบคุมต่างๆ ในยามต้องบุกป่าดงง่ายดายมากขึ้น เช่นเดียวกันในยามที่คุณลงทางชัน รถยังมีระบบ Hill Decent control   ที่ช่วยในการลงทางชันได้ง่ายดายขึ้น เพียงกดปุ่มที่อาจจะต้องเอื้อมไกลมือไปหน่อยสักนิด

น่าเสียดายที่เรายังไม่มีโอกาสที่จะทดสอบการขับออฟโรดใน Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   อย่างจริงจัง แต่การลุยที่พอหอมปากหอมคอบนเส้นทางสั้นๆ ก็ทำให้เราได้รู้ว่ารถมีประสิทธิที่ดีและมากพอต่อการตอบสนองในการเดินทางไม่ว่าจะในสภาพเส้นทาง หากไม่โหดมากไป เราเชื่อว่า   มันจะพาคุณไปถึงที่หมายได้อย่างแน่นอน

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

ซึ่งท้ายสุดหลายคนคงอยากจะใครรู้อัตราประหยัดของ  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   เมื่อเราเอามันมาบุกป่าฝ่าดง วิ่งทางไกลกันแล้ว และทั่งหมดเราได้ตัวเลข  11.83  ก.ม./ลิตร ถือว่าไม่มากมายอย่างคิด และน่าจะดีกว่านี้อีกหน่อย โดยก่อนออกเดินทางจากกทม. เราได้ทำอัตราประหยัดใน   Bonn test Mode มาแล้ว และปิดจ๊อบที่ 10.43 ก.ม./ลิตร

 

ซิ่งสุดใจใน Nissan Navara NP 300

จะว่าไปเมื่อดูอัตราประหยัด   Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างจะซดมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดกลุ่มเดียวกันที่อาจจะใช้เครื่องยนต์ใหญ่กว่ามัน ก็ชัดเจนพอสมควรว่า นาวาร่ากินดุพอสมควร กับเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าคู่แข่ง ซึ่งน่าจะทำได้ดีกว่านี้

แต่ว่าบทพิสูจน์ของ   Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD  ของเราไม่ได้จบแค่การเดินทางไกล และมาลุย เมื่อภารกิจพิเศษของเราถือเป็นช่วงโบนัสทางด้านสมรรถนะ และได้เวลาที่เราจะเค้นมันหมดเปลือก

เกมสมรรถนะนี้ เริ่มขึ้นหลังจากที่เราออกจากปิล็อก กลับลงมาทางเมืองกาญจนบุรี ซึ่งทั้งหมดใช้ความเร็วสูง และเราไม่คิดที่จะวัดอัตราประหยัดมาเป็นบรรทัดฐานในการขับขี่ที่เรียก 190  แรงม้า มาลั้นลาบนถนน แทบทุกกิโลเมตร

การเร่งความเร็วเต็มพิกัดให้สมรรถนะออกมาเฉิดฉาย  Nissan Navara  NP  300 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเครื่องยนต์ที่ดุดัน การเรียกแรงม้าสูงสุดออกมาทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด ต้องขอบคุณชุดเกียร์อัตโนมัติ 7  สปีด ที่ตอบโจทย์ดั่งรู้ใจคนขับ ไม่ว่าจะการทอนเกียร์ การเข้าตำแหน่ง ทั้งหมดล้วนสั่งการอย่างเหมาะสม ในระหว่างที่เราใช้ความเร็วในการขับขี่

ถ้าคุณอยากรู้ว่า สมรรถนะของ  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   เมื่อต้องเร่งจี๊ดสุดใจเป็นอย่างไรนั้นขอบอกว่า มันทึกมาก ซึ่งก่อนมา เรามีโอกาสที่จะทดสอบอัตราเร่งของ รถ  ในสภาพมีผู้ขับขี่คนเดียว และเราได้สถิติดังนี้

 

ครั้งที่  1

ครั้งที่  2

ครั้งที่  3

เฉลี่ย

อัตราเร่ง  0-100 ก.ม./ช.ม.

10.99

11.00

8.99

10.33

อัตราเร่ง  80-120 ก.ม./ช.ม.

8.00

7.00

7.00

7.33

 

จากตัวเลขค่าอัตราเร่ง จะเห็นว่า Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD    แม้จะมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก และเครื่องยนต์ที่ใช้บล็อกเล็กกว่า คู่แข่ง แต่ก็สามารถพุ่งโผนโจนทะยานอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจาการเซทชุดเกียร์อัตโนมัติ   7  สปีด ให้ตอบสนองได้ดีในการออกตัว รวมถึงการขับขี่

ตารางแสดงอัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 7สปีดใน  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD   

เกียร์ที่ 1

4.887

เกียร์ที่ 2

3.170

เกียร์ที่ 3

2.027

เกียร์ที่ 4

1.412

เกียร์ที่ 5

1.000

เกียร์ที่ 6

0.864

เกียร์ที่ 7

0.775

อัตราทดเฟืองท้าย

3.357

 

เมื่อมองพิจารราจากอัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 7  สปีด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะพบว่าอัตราเร่งของเจ้ากระบะ Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD  นั้นจะสามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ดีมาก โดยเฉพาะในการออกตัว คุณจะเห็นว่าเกียร์  1  อัตราทดที่เน้นหนักหน่วง 4.887  นั้น ตอบโจทย์ในการออกตัวได้เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไม อัตราทดเฟืองท้ายของนาวร่าใหม่จึงใช้เบอร์ต่ำมาก เพียง  3.357 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองลึกลงไปย้อนไปตอนที่เราขับขี่รถคันนี้ในเมืองแล้วรู้สึกว่ามันออกตัวดีแต่ขับในเมืองแล้วออกมาเร่งค่อนข้างอืดนั้น  ก็คงเพราะเกียร์อัตโนมัติรีบเปลี่ยนเกียร์ 1  ไป เป็นเกียร์ 2  และให้คุณคลอเกียร์ 2  นานกว่า ซึ่งเมื่อดุอัตราทดที่เกียร์  2  แล้ว จะพบว่า อัตราทดหายไปเกือบครึ่งต่อครึ่งที่ 3.170   จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม เวลาเร่งในเมือง กับล้อขอบ 18  นิ้ว มันจึงช้ามากพอสมควร

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

ในอัตราทดเกียร์เดียวกันนี้ หากมองให้ในช่วงตั้งแต่เกียร์  5 ขึ้นไป  Nissan Navara  NP  300 ที่มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ   7  สปีด  นั้นให้ความโดดเด่นด้วยเกียร์ overdrive  หรือ อัตราทดที่น้อยกว่า 1  มากถึง   2  เกียร์ เลยเดียว

การทำแบบนี้ทำให้ในยามขับขี่ทางไกล ยิ่งใช้ความเร็วนั้นอย่างที่เรากำลังเร่งบี้เครื่องยนต์ 2.5  ลิตร กลับกรุงเทพนี้ต้องยันคันเร่งแรงๆ  ติดพื้น เมื่อคันเร่งคิกดาว ความฉลาดของเกียร์ ก็เริ่มแสดงความไม่ลงตัวมาให้เห็นบ้าง มันจะค่อยถอยลงทีตำแหน่ง 7-6-5 อะไรแบบนั้น ทำให้เราถึงเวลาต้องงัดการควบคุมมาใช้

ข้อดีของชุดเกียร์อัตโนมัติของ   Nissan Navara  NP300   ใหม่ คือนิสสันให้ระบบ  Manual mode   เข้ามาเมื่อคุณคิดว่า คุณฉลาดหรือเก่งกว่าที่ชดเกียร์จะตอบสนองได้ การผลักเข้าไปในโหมดดังกล่าวจะมีข้อดีมากกว่า แต่เมื่อเราเริ่มทดลองใช้ก็มีแอบอึ้งบ้างนิดหน่อย เพราะเมื่อเข้าสู่ manual mode   ชุดเกียร์ จะพาคุณตบลงบนเกียร์   5   ถ้าคุเดินทางด้วยอัตราทดที่มากกว่านั้น หรือลงบนตำแหน่งที่ใช้ ถ้าคุณใช้อัตราทดในตำแหน่งที่น้อยกว่าเกียร์  5

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

ซึ่งการทดแมนนวลโหมดลงบนเกียร์ 5 ที่มีอัตราทด   1.000 ในขณะที่คุณใช้เกียร์   7  หรือ  6   ที่คุณมี   Overdrive   อัตราทดต่ำกว่าอย่าแปลกใจ ถ้าคุณจะหน้าทิ่มเมื่อมาใช้แมนนวลโหมด ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหว่าเรากำลังรีบ แต่ชุดเกียร์ ดันเหมือนดึงเราไว้นี่ แล้วท้ายที่สุดก็ต้องมาตบกลับคืนเกียร์   7  อีก ทันทีการดึงเข้าสู่โหมดสับเอง ไม่น่าจะต้องรีบทอนเกียร์ลงไป เพียงเข้าตามตำแหน่งที่ขับขี่ก็เพียงพอ

ระหว่างทางที่เราใช้ความเร็วกลับกรุงเทพ เรามีโอกาสได้ทดสอบอัตราความเร็วสูงสุดดู บนช่วงถนนว่างๆ แถว อำเภอ พนมทวน เราทำความเร็วสูงสุดบนหน้าปัดได้ 185  ก.ม./ช.ม. แต่บน จีพีเอส ระบบนำทางในรถบอกได้เพียง  182  ก.ม./ช.ม. และมันไม่สามารถไปได้เร็วกว่านั้น แม้เราจะคิดว่ามันน่าจะเร็วได้กว่านี้อีก แต่คุณจะเอาอะไรมากกับกระบะพิกัดเฉียดสองตัน และเครื่อง 2.5  ลิตร ที่มาพร้อมเกียร์  7  สปีด ที่ทดให้ออกตัวดี

 

สรุป Design Around you                ตัวตนใหม่ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น

ทีแรกที่ผมได้มีโอกาส อ่านบทความพี่จิมมี่แห่ง   Headlightmag ว่า   Nissan  ใช้โจทย์ที่ง่ายมากในการสร้างสรรค์ Nissan Navara  NP  300 ใหม่ ผมแทบไม่เชื่อว่านิสสัน จะอาศัยความฉลาดของพวกเขาในการทำรถยนต์ให้โดนใจได้อย่าง่ายดาย

มันง่ายมากพอๆ กับที่สมัยเรียนม.ปลาย อาจารย์ให้ทำการบ้านคณิตศาสตร์แล้วเรารู้สึกว่ามันยากไม่เข้าใจ จะไปคิดมากอะไร คุณเดินไปศึกษาภัณฑ์ มองหาหนังสือที่เรียกว่าคีย์คณิตศาสตร์ราคาเล่มละไม่เกิน   40  บาท เพียงเท่านี้ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ คำตอบที่ไขไม่ออกก็พร้อมบอกคุณ เพียงแต่ว่า การทำเช่นนั้น คุณจะไม่มีวันเข้าใจมันอย่างจริงจัง และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในนาวาร่าใหม่ด้วย

สิ่งที่ผมพูดขึ้นมานี้คือข้อเท็จจริงที่ Nissan  ทำใน  Nissan Navara  NP  300 พวกเขาใช้คำตอบของพวกเราอดีตคนที่เคยใช้ นาวาร่ามาต่อยอดในรุ่นใหม่ที่ 12  ของกระบะจากค่ายนิสสัน เหมือนกับที่ค่าย  Volvo  ใช้คำพูดที่ว่า  design Around you หรือคุณคือผู้ออกแบบรถยนต์ใหม่  อาศัยการออกแบบรอบๆคุณ ช่วยให้ค่ายรถทำงานง่ายขึ้นอีกเป็นกอง

อย่าแปลกใจถ้าผม รู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆและ Nissan Navara  NP  300 เป็นรถกระบะที่มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยิ่งส่วนตัวแล้วเป็นผู้ใช้รุ่นเดิม ก่อนหน้าที่คุณแม่ผมจะไม่ชอบมันและตัดสินใจแทนผมในการขายมันไป รถคันนี้ทำให้นึกถึงวันวานที่เคยมีกับ  Nissan Navara

ทว่ารุ่นใหม่มันดูดีกว่า ดูสวยขึ้น มีลูกเล่นมากขึ้น ช่วงล่างก็นิ่มนวลขึ้นไม่กระด้าง ชนิดโยกเด้งเป็นม้ากระโดด สไตล์รถกระบะพันธุ์แท้ เพราะ นิสสัน เอาสิ่งทีเราวิจารณ์ในข้อเสียต่างๆ มาปรับปรุง จน  Nissan Navara  NP  300 เป็นรถที่สมบูรณ์แบบในระดับหนึ่ง และต้องยอมรับว่า เป็นอีกครั้งที่นิสสัน สามารถทำให้หลายคนหลงใหลกระบะของพวกเขาได้จากการออกแบบที่มนต์เสน่ห์และลูกเล่นออพชั่นที่เข้ามามากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ดี เคยได้ยินไหมครับว่า “ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ” มันคือเรื่องจริง อย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะ  Nissan Navara  NP  300 ยังมีบางอย่างที่เราอยากให้โจทย์กลับไปปรับปรุง ประการแรก ขอออกความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยอย่างแรกที่จะใช้ล้อขอบ 18  แต่ยังใช้หน้ากว้าง 7  นิ้ว  มันไม่มีประโยชน์ใด ๆ นอกจากจะทำให้ลูกค้าเสียเงินค่ายางมากขึ้น เพียงเพื่อแลกกับความสวยงามในตัวตน ซึ่งแง่หนึ่งข้อเท็จจริงของรถกระบะหากใส่ยางให้ลงตัวรถก็ดูสวยแล้ว

ทดสอบรถกระบะ Nissan Navara NP300

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ส่วนตัวรู้สึกว่าการเข้า Manual mode  ในเกียร์ที่สูงกว่าเกียร์ 5  แล้ว ทำให้เราต้องย้อนมาเกียร์ 5 นั้น เป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผลนักในการใช้งาน ในมุมมองที่ง่ายที่สุดของการเข้า   Manual mode   คือ ว่าคุณอยู่เกียร์ไหนเข้าที่เกียร์นั้นจะดีกว่า ประการแรก ทำให้ลูกค้าไม่เสียจังหวะในการขับขี่ และประการต่อมา คือไม่สร้างความสับสน ตรงนี้ขอฝากไปด้วยเลยแล้วกันนะครับนิสสัน

รวมถึงอยากขอปรับพวงมาลัยอีกนิดเดียว ส่วนตัวชอบนะเรื่องความคมของวงพวงมาลัย Nissan Navara  NP  300 แต่ผมจำได้ตอนแรกๆที่มาใช้ขับในเขตเมืองรู้สึกว่ามันฟรีมากไปนิด ดีที่ได้อารมณ์รถหรู แต่พอเอามันขับไปมาจริงๆ ก็รู้สึกว่ามันฟรีมากเกินไป จนแม้แต่น้องท๊อป ที่ผมโยนให้ขับในช่วงหลังการทดสอบ เมื่อขับช่วงแรกๆ เขาจะรู้สึกเกร็ง เพราะพวงมาลัยฟรีมากไป และเราทั้งสองในฐานะทีมงาน Autodeft.com  ลงความเห็นว่า ควรปรับปรุงระยะฟรีของพวงมาลัย ให้น้อยลงกว่านี้แต่ความแม่นยำจุดนี้กำลังดี ..ชอบ!!

และท้ายสุดเรื่องนี้ไม่เข้าใจอย่างแรง เมื่อมาเปิดดูราคา เรากลับพบว่า  Nissan Navara  NP  300 ในรุ่นขับเคลื่อน 4  ล้อ   ในพิกัด  Hi Power  190  แรงม้า  กลับไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6  สปีด เข้ามาตอบโจทย์อาจจะเพราความสามารถการรับแรงบิดที่น้อยกว่าของเกียร์ธรรมดา แต่อยากให้กลับไปลองพิจารณาดูความเป็นไปได้ เพรา ปกติแล้วขาลุยเขาใช้เกียร์ธรรมดามากกว่าเกียร์ออโต้ และมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ....เพียงแต่อาจจะต้องทุ่มทุนกับเกียร์สักหน่อย

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

 

ถ้าเพื่อนถามว่า  Nissan Navara  NP  300 เป็นอย่างไรบ้าง

 

ในสายตาผมคงต้องยอมรับว่า  Nissan Navara  NP  300 VL 4 WD    ค่อนข้างที่จะมีความลงตัวมากขึนในหลายๆด้าน จุดเด่นคือความสง่าบวกกับความเป็นเก๋งที่มากขึ้นในรุ่นนี้ และสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดีเกินคาด แต่ก็ยังอาจจะต้องปรับปรุงบางประการเพื่อให้รถดียิ่งขึ้นไปอีก

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)

ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้องรถทดสอบ  Nissan Navara NP300 VL 4 WD  มาให้ทามทีมงานได้ขับทดสอบ

ขอบคุณ เบนซ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นิสสัน ที่ช่วยในการติดตามปล่อยรถให้เราอย่างรวดเร็ว

ขอบคุณ พี่ ตาเล็ก ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบด้วยครับ

 

รถทดสอบ  Nissan Navara  NP 300 VL 4WD

ราคาจำหน่าย 996,000 บาท

 

สิ่งที่ชอบ >>>  เกียร์ที่ฉลาดมากทำให้รู้สึกรัก   Nissan Navara   เช่นเดียวกับรายละเอียดออพชั่นที่เพิ่มความเป็นเก๋งเข้ามา รวมถึงภายนอกที่ออกแบบได้ดีมากขึ้น ทำให้รถมีอะไรมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงขนาดที่ไม่เปลี่ยนผันของมันทำให้ขับง่ายในเขตเมือง

 

สิ่งที่ไม่ชอบ>>> พวงมาลัยที่มีระยะฟรีมากไปหน่อย และล้อขอบ 18  ที่ดูสวย แต่อย่าได้เปลี่ยนยางนะ เงิบ!!!

 

สิ่งที่อยากให้มี >>>  ยังมีฟังชั่นช่วยในการขับขี่บางอย่างที่ Nissan  ไม่ได้ใส่เข้ามาในรถกระบะคันนี้ทำให้เมื่อเทียบกับคู่แข่งในฐานะตัวลุยเหมือนกัน  Nissan Navara  ยังตกเป็นรองอยู่หลายเรื่อง

 

คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ  >>  Nissan Navara  มีดีที่ออพชั่น การออกแบบ และ ฟังชั่นใช้งานที่เพิ่มขึ้นมากมายมีลูกเล่นที่หลากหลาย รวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์เกียร์ และช่วงล่างที่ทำออกมาได้ดี แต่อย่าว่างั้นงี้ ถ้าคุณชอบจริงก็ซื้อเลย มันไม่ทำให้ผืดหวัง แต่บอกก่อนเลยว่าถ้าอยากได้ใน 190  แรงม้า ในรุ่นขับเคลื่อน 4  ล้อมันไม่มีเกียร์แม่นวลให้เลือก

 

สรุปการทดสอบ

อัตราประหยัดน้ำมัน

ในเมือง

8.5 ก.ม./ลิตร

นอกเมือง

11.83 ก.ม./ลิตร

Bonn Test Mode

10.43 ก.ม./ลิตร

 

[GALLERY836]

 

5 เรื่องน่าสนใจ