Full Review : Toyota Camry 2.0 G เครื่องใหม่อย่างเดียวก็เกินคุ้ม !!!

  • โดย : Autodeft
  • 13 ต.ค. 58
  • 89,754 อ่าน

พบบทดสอบรถยนต์ Toyota Camry 2.0G ใหม่ เจ้าหรูคันนี้กับหัวใจใหม่ของมันจะลงตัวแค่ไหน ติดตามได้ในบททดสอบเลยจ้า

 

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

”ไมเนอร์เชนจ์” การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ของรถยนต์ที่มักจะครบเวียนมาบรรจบทุกๆ 3 ปี ของการทำตลาดรถยนต์สักรุ่น ตามปกติแล้วรถยนต์จะมีชีวิตในตลาดราวๆ   6-7  ปี และเพื่อสร้างความไม่น่าเบื่อหน่ายแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันบรรดาการตลาดทั้งหลายจึงออกอุบาย ปรับนั่นเปลี่ยนนี่เพื่อให้มีความแตกต่างตลอดจนอัพเดทสิ่งใหม่ๆ เข้ามาสู่ตัวตนรถยนต์รุ่นนี้

หลายออพชั่นที่เพิ่มพูนเข้ามา ตลอดจนกระทั่งการออกแบบใหม่ๆ ที่ได้เสริมสั่งสมความหรูราและลงตัวมากขึ้น ช่วยให้รถยนต์   Toyota Camry   ถูกลูกค้าชายตามองมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวตนเพิ่มความหรูทันสมัย มาจัดหนักกับคู่แข่งหลังที่ปล่อยรุ่นใหม่ออกมา ทำให้ทุกคนต่างเฝ้ารอตัวเอกคันนี้กัน

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

คุณว่ามันจะน่าเบื่อแค่ไหน ถ้าเรามีโอกาสฟังบรรยายสรุป ถึงที่สุดของเทคโนโลยี แต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน ...ความรู้สึกดังกล่าวเป็นความรู้สึกผมในระหว่างช่วงการทดสอบกลุ่มรถยนต์   Toyota Camry  ใหม่ที่แดนใต้ ซึ่งพวกเขาใช้เวลายาวนานกว่า  40   นาที ในการทำให้เราเห็นสุดยอดเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในเครื่องยนต์  2.0  ลิตร ซึ่งถือเป็นรุ่นไฮไลท์ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับ การปรับรุ่นปรุงโฉมในรถยนต์ Toyota Camry   แต่ท้ายสุดกลับไม่ได้มีโอกาสสัมผัสมัน

การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่นำมาสู่ตัวตนใหม่ที่ดูดีมากกว่าที่เคย ด้วยการตอบโจทย์การออกแบบของ   Toyota   ที่เปลี่ยนให้รถยนต์นั่งซีดานกลางสุดหรูของพวกเขาขยับปรับตัวตนมีรายละเอียดที่ดูเหมาะกับคนวัยหนุ่มมากขึ้น ในขณะที่คนวัยพ่อก็ขับได้อย่างไม่เคอะเขิน

ส่วนหนึ่งมาจากการใช้รถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปในประเทศอเมริกา  ซึ่งซีดานขนาดกลางเข้ามามีบทบาทในการใช้งานเพื่อครอบครัวมากขึ้น กว่ารถยนต์ประเภทอเนกประสงค์มินิแวน ทำให้   Toyota Camry   ใหม่ ถูกแต่งองค์ทรงเครื่องให้มีความลงตัวมากกว่าที่เป็นมาในอดีตอย่างชัดเจน

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

ใบหน้าเปลี่ยนไป จัดสรรองค์ประกอบการออกแบบใหม่ที่ล้ำมาในทางความสปอร์ตมากขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งคราบของความเป็นรถยนต์หรู ให้ความรู้สึกภูมิฐานงามสง่าตั้งแต่แรกเห็น ด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยมพร้อมเอกลักษณ์ใหม่ผ่านไฟหน้า   HID   แบบ   Single  Projector ซึ่งภายในโคมยังมาพร้อมกับไฟ Day Time Running Light  ให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา และยังโฉบเฉี่ยว

มาดของรถ   Toyota Camry   รุ่นใหม่ต้องยอมรับว่า ลดความรู้สึกเป็นรถสำหรับคนแก่ลงไปได้มาก โดยเฉพาะด้านหน้าใหม่ที่ให้ความไฉไลมากขึ้นกว่าเดิม เช่นเดียวกับการเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ ช่องทางไฟตัดหมอกก็ดูดีมีความลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม  ด้านข้างปรับกระจกมองข้างให้มาพร้อมกับไฟเลี้ยวในตัว รวมถึงบั้นท้ายยังลงตัวมากกว่ากับไฟท้ายแบบ   LED   แต่อะไรเลยจะสู้การให้รายละเอียดตามหลักอากาศพลศาสตร์   aerodynamic Fin แถมกระจกมองข้างยังมีระบบ  Blind Spot Monitor และท้ายสุดขาดไม่ได้กับล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด  16   นิ้ว มาพร้อมยางขนาด   215/60/R16  

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

ในห้องโดยสาร   Toyota Camry  2.0 G   กล่าวต้อนรับเราด้วยการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดใหม่หมดจด จนแทบจะเป็นรถยนต์คนละคัน ด้วยการให้ความภูมิฐานดูดี ด้วยสไตล์ห้องโดยสารแบบ  Two-tone   ตั้งแต่คอนโซลหน้า ที่ได้ช่วงบนเป็นสีดำตอบเรื่องสไตล์การออกแบบให้ความรู้สึกดูดีและลงตัวมากขึ้น แม้ว่าจะยังมาพร้อมกับลายไม้ แต่ใช้ลายไม้ที่มีความวัยรุ่นมากขึ้นไม่ได้ดูแก่หรือดูเป็นไม้ราคาถูกแต่อย่างใด

เช่นเดียวกันพวงมาลัยมัลติฟังชั่นสี่ก้านถูกติดตั้งเข้ามา ด้านซ้ายมาพร้อมกับปุ่มเครื่องเสียง และด้านขวาเป็นปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลต่างๆบนหน้าปัดเรืองแสงใหม่ที่ออกแบบมาเป็นสีฟ้า แต่ที่เราไม่เคยชอบใจคือการจัดวางระบบ   Cruise Control   ที่ออกมาเป็นการยืน แม้ว่าจะใช้งานง่ายกว่า แต่ก็ดูแปลกตาและประหลาดๆ เมื่อมองภาพรวม  และตรงกลางยังมาพร้อมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถแยกปรับอิสระซ้าย-ขวา ได้

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

และอีกเรื่องที่สำคัญ ซึ่งอยากบีบคอวิศวกรทางด้านระบบความบันเทิงของ Toyota  คือเครื่องเสียงที่ไม่พร้อมรองรับการเชื่อมต่อระบบ  Bluetooth  จากมือถือ  ..พาลเอาเซ็งในการเดินทางในรถคันนี้ได้ง่ายๆ

เบาะนั่งคนขับขนาดใหญ่พอสมควรตอบความสบายในการขับขี่ แถมยังเป็นเบาะนั่งคู่หน้าหุ้มหนังยังบริการความสบายด้วยระบบปรับไฟฟ้าทั้งสิ้น   8  ทิศทาง ตลอดจนฝั่งคนขับยังระบบ   Lumbar Support   ให้ลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ และฝั่งคนนั่งเองก็ยังมีระบบปรับไฟฟ้าที่ด้านข้างเผื่อคนนั่งตอนหลังไม่ชอบใจเรื่องพื้นที่โดยสาร จัดการปรับเองไม่ต้องส่งซิกให้คนหน้า

ขณะที่เบาะนั่งตอนหลังมีพื้นที่มากพอ การใช้งานเหลือเฟืองตามสไตล์ของรถยนต์นั่งซีดานกลาง แถมยังสบายสุดด้วยม่านบังแดดพับไฟฟ้าทางด้านหลัง ส่วนด้านข้างต้องใช้ระบบมือกันเล็กน้อย และท้ายสุดตรงกลางพนักแขนยังมีช่องสำหรับให้ล้วงหยิบของ กรณีที่ต้องการของสำคัญ ที่กระโปรงหลังหากต้องการ

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

สตาร์ทเครื่องยนต์!! ต้นกำลังใหม่ล่าสุดใต้ฝากระโปรง   Toyota Camry 2.0  G   เริ่มการทำงาน ขุมพลังบล็อกใหม่ล่าสุดขนาด  2.0  ลิตร  ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่รหัส   6AR-FSE  ....มันเป็นเครื่องยนต์ที่ทางโตโยต้าหมายมั่นปั้นมือว่า จะทำให้พวกเขาจับใจลูกค้าที่มองหาเครื่องยนต์ 2.0  ลิตร ในรถยนต์นั่งได้ไม่มากก็น้อย

การพัฒนาเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่มาแบบจัดเต็ม ตั้งแต่การเปลี่ยนระบบวาล์วแปรผันใหม่ล่าสุด จากที่เราคุ้นเคย Dual-VVti เจ้าต้นกำลังบล็อกใหม่ก็เป็น   VVti-W  ซึ่งระบบใหม่นี้มีช่วงเปิดและระยะยกที่กว้างกว่าระบบเดิม ตลอดจนเครื่องยนต์บล็อกนี้ยังเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังอัดสูงถึง   12.3 :1 และท้ายสุดวิศวกรโตโยต้า ยังยำระบบจ่ายน้ำมันและจุดระเบิดชั้นนำ แบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์   Toyota GT86   มาสู่รถยนต์นั่งสุดหรู   Toyota Camry   ด้วยการแนะนำระบบ D 4S   เข้ามาประจำการในเครื่องยนต์   2.0  ลิตร

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

ดูการวิศวกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจที่เครื่องยนต์ใหม่บล็อกนี้ จะสามารถทำกำลังสูงสุดมากขึ้นกว่าเครื่องยนต์รุ่นเดิม พร้อมให้ความมันส์ยามขับขี่ด้วยกำลังสูงสุด  167   แรงม้าสูงสุดที่  6,500 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด  199 นิวตันเมตร สูงสุด ที่  4,600  รอบต่อนาที  กำลังทั้งหมดส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ  6 สปีด และพร้อมตอบสนองในการเดินทางด้วยระบบ   Sequential Shift   เลือกสับได้ตามใจ

บรรยายสรรพคุณของเครื่องยนต์มากมาย ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์จริง ด่านแรก   Toyota Camry   ต้องตอบโจทย์  การขับขี่ในเมือง ซึ่งการขับขี่ในเมืองกับเครื่องยนต์   2.0  ลิตร ในรถยนต์ซีดานกลางถือเป็นเรื่องปกติของใครหลายคน ที่มองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทางด้านภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง

การเดินทางในเมืองสิ่งที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นความคล่องตัว แม้จะต้องยอมรับว่าการขับรถยนต์ประเภทซีดานกลางในเมืองอาจจะทำให้คุณเซ็งๆ ไปบ้าง ถ้าคุณเป็นมนุษย์นักมุดขั้นเทพ แต่กับรถแบบนี้ใครที่มีโอกาสขับคงจะเน้นในเรื่องการขับหล่อๆมากกว่า แต่ถึงแบบนั้นการควบคุมจากพวงมาลัยที่ลดระยะฟรีลง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้วเติมความแม่นยำเข้ามามากขึ้น อาจจะทำให้คุณหลงใหลในการขับขี่เจ้าซีดานกลางคันนี้ได้เช่นกัน  

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

ยิ่งถ้าหากคุณเป็นพวกชอบเร่งทำความเร็วช่วงสั้นๆ เครื่องยนต์   2.0  ลิตรบล็อกใหม่นี้ก็เร้าใจน้องๆรถสปอร์ต แม้จะอยู่ในคราบตัวหรู แต่เช่นเดียวกันก็ยังประหยัดใช้ได้ จากที่ขับขี่ด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอลล์  91  เราวิ่งไปด้วยระยะทาง   112.9  และเติมคืนถัง  8.974   ลิตร เมื่อคำนวณแล้วในเมืองเราทำอัตราประหยัดไปได้   12.58 ก.ม./ลิตร  เลยทีเดียว  

ส่วนการทดสอบ   Bonn Test Mode   กับ   Toyota Camry  2.0   สามารถทำอัตราประหยัดในการขับขี่ตามโหมดผสมที่เราวางเส้นทางเอาไว้ได้ในอัตราประหยัด 12.9  ก.ม./ลิตร

 

ความประหยัดที่น่าประทับใจ ทั้งจากการขับขี่ในเมืองและการขับขี่ใน   Bonn Test  Mode   เมื่อกล่าวถึงเครื่องยนต์ขนาด   2.0  ลิตร ที่สามารถทำอัตราประหยัดได้ในระดับที่เหนือกว่าคู่แข่ง   2-3   ก.ม./ลิตรอย่างชัดเจน

ความน่าสนใจดังกล่าวของ   Toyota Camry   นำมาสู่การพิสูจน์ตัวตนอีกครั้ง เมื่อเราขับมันออกนอกเมือง มุ่งหน้าสู่ถนนหลวงปลายทางต่างจังหวัด ซึ่งรถยนต์ซีดานกลางส่วนใหญ่ถูกวางให้เหมาะกับการขับขี่ในรูปแบบดังกล่าว อยู่เป็นทุนเดิม

หากเทียบกับเครื่องยนต์   2.0  ลิตรทั่วๆ ไป เท่าที่เคยผ่านมือผ่านบาทามา .. เครื่องยนต์   2.0  ลิตร  6 AR-FSE   นี้มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีกว่าในการเดินทาง โดยเฉพาะในยามเร่งแซง คุณจะสามารถรู้สึกได้ถึงความลื่นไหลจากการทำงานของเครื่องยนต์

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

การทำงานที่ดีในเครื่องยนต์รอบสูงตั้งแต่  3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไปเป็นความโดดเด่นอย่างชัดเจน ที่ไม่มีเครื่องยนต์บล็อกไหนในกลุ่ม   2.0  ลิตร สามารถตอบสนองได้ ส่วนหนึ่งด้วยการวางหมากระบบวาล์วแปรผันใหม่ล่าสุด  VVti-W   ในทางฝั่งอากาศไอดี ช่วยเรียกอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ได้มากขึ้น ด้วยช่วงเวลาในการเปิดที่นานกว่าระบบทั่วไป เช่นเดียวกันในทางฝั่งไอเสียก็ยังมีระบบ   VVT-I  ช่วยในการทำงานเช่นกัน ทำให้สามารถคายไอเสียได้เร็วตามไปด้วย

นอกจากระบบวาล์วแปรผันใหม่ที่มีการแนะนำใน  Toyota Camry  2.0 G  อย่างที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นระบบจุดระบบเปิดใหม่ล่าสุดแบบ   D4S หรือ  Direct injection 4 Stroke ยังถือเป็นไฮไลท์สำคัญในการขับขี่ ที่ทำให้รอบเครื่องยนต์เร่งได้ดี

ระบบนี้จะแบ่งการทำงานของเครื่องยนต์ออกเป็นสองภาวการณ์ทำงานสำคัญ กล่าวคือในระหว่างรอบเครื่องยนต์ต่ำ และรอบการทำงานของเครื่องยนต์ช่วงกลางและสูง ตัวระบบจ่ายน้ำมันดังกล่าวนั้นติดตั้งชุดหัวฉีดเป็นสองชุดสำคัญ ได้แก่ ชุดหัวฉีดที่ติดอยู่กับตัวท่อร่วมไอดี ทาง  Toyota  เรียกว่า   “Port Injector”   ส่วนหัวฉีดอีกชุดเป็นหัวฉีดแรงดันสูงถูกติดตั้งเพื่อฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือ  “Direct injector” ซึ่งตัวระบบจะทำการประมวลผลการสั่งจ่ายน้ำมันโดยดูจากการทำงานของรอบเครื่องยนต์และคันเร่งที่ผู้ขับขี่ใช้ จากนั้นจะทำการสั่งจ่ายน้ำมันไปยังหัวฉีดแต่ละชุดที่มีความเหมาะในระหว่างการขับขี่

ตามการเปิดเผยของ  Toyota   หัวฉีด Port Injector  จะทำงานในรอบต่ำและเดินเบาต่อเนื่องไปจนถึงรอบเครื่องยนต์ 2,500 รอบต่อนาที ระบบก็จะทำการสับมาเป็นการใช้ชุดหัวฉีด  Direct injector ซึ่งจะสั่งจ่ายแรงดันน้ำมันสูงถึง   20 เมกะปาสคาลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ (Port injector   มีแรงดันเพียง   40   กิโลปาสคาล) ทำให้สามารถจุดระเบิดได้ดีกว่าเดิม และในกรณีที่ผู้ขับขี่จำเป็นจะต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงมากถึง   4,500 รอบต่อนาที น้ำมันก็จะถูกสั่งจ่ายออกจากหัวฉีดทั้งแรงดันต่ำและแรงดันสูง เพื่อให้รอบเร่งสนองตอบได้ทันใจ รวมถึงในยามที่ผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงอีกด้วย

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

ความซับซ้อนของระบบ   D 4S  อาจจะเข้าใจยาก แต่ในแง่ของการทำงานจริง มันเข้าใจง่ายมาก ด้วยเครื่องยนต์จะเร่งดีขึ้นเมื่อน้ำมันถูกจ่ายด้วยแรงดันสูงขึ้นและมีปริมาตรมากขึ้น ...มีอาหารให้ฝูงม้ามาก กำลังก็มากตาม ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ทันทีในยามที่กดคันเร่งรถคันนี้เร่งแซงไปท่ามกลางการจราจรบนถนนเพชรเกษม ว่ารถสามารถเร่งได้ติดเท้าตามใจสั่งมาก

และมันยิ่งโดดเด่นถ้าคุณขับในถนนแบบสองเลนสวนในหลายจังหวะ คุณจำเป็นจะต้องเร่งแซง เครื่องยนต์จะตอบสนองได้เร้าใจและเร่งได้โดยไว แถมในรอบเครื่องยนต์สูงๆ หลายครั้งที่คุณอาจจะเจอหรือเผชิญการขับขี่หน้าสิ่วหน้าขวาน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร บล็อกนี้ ก็ให้ความมั่นใจในการขับขี่อันเร้าใจมากกว่า

แม้ว่าจะมีความดีงามในเรื่องการขับขี่จากเครื่องยนต์   2.0   ลิตร ที่สร้างความประทับใจในการขับขี่ จนขอออกปากว่า “นี่คือเครื่องยนต์ 2.0  ลิตร ที่ดีที่สุดในตอนนี้” แถมระบบเกียร์อัตโนมัติ  6  สปีด ก็ยังทำงานได้ดีกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนสามารถทำอัตราเร่ง   0-100  ก.ม./ช.ม. ได้น่าประทับใจ

ตารางแสดงการทดสอบอัตราเร่ง  0-100  ก.ม./ช.ม.   ในรถยนต์ Toyota Camry 2.0  G   

 

ครั้งที่  1

ครั้งที่  2

ครั้งที่ 3

เฉลี่ย

อัตราเร่ง  0-100 ก.ม./ช.ม.

11.01

11.04

10.99

11.01

อัตราเร่ง  80-120  กม./ชม.

8.00

8.00

7.00

7.67

 

จากข้อมูลการทดสอบ ด้วยระบบ  GPS   ค่อนข้างชัดเจนว่า   Toyota Camry 2.0 G   นั้น สามารถเร่ง   0-100  ก.ม./ช.ม.   ได้ในเวลาเฉลี่ย   11.01  วินาที และมีอัตราเร่ง  80-120   ก.ม./ช.ม. ในเวลา   7.67  วินาที

แม้ว่าจะไม่ได้นำมาเปรียบเทียบกันในระหว่างการทดสอบโดยตรง แต่จากข้อมูลสถิติที่เก็บไว้ของ   Honda  Accord รุ่น   2.0  มันสามารถทำอัตราเร่งได้เฉลี่ย   12.33  วินาที ในการวัดอัตราเร่ง  0-100  ก.ม./ช.ม.   และมันสามารถทำอัตราเร่ง โดยเฉลี่ย 80-120   ก.ม./ช.ม.   ได้ที่  8.63  วินาที

หรือจะว่าไป การเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ของ   Toyota Camry 2.0G   มันจะเร่ง  0-100 ก.ม./ช.ม.  ได้ดีกว่าคู่แข่ง  1.32 วินาที และในอัตราเร่ง   80-120  ก.ม./ช.ม.   มันจะนำหน้าคู่แข่งคนสำคัญถึง 0.96   วินาที ..แม้ว่าจะไม่ได้มากอย่างที่คิดแต่ว่าก็มากพอที่จะทำให้ ศึกชิงไฟแดงจบลงที่ค่ายสามห่วงมีชัยไปในที่สุด

และท้ายสุดถ้าคุณอยากรู้ว่านอกเมืองเจ้า  Toyota Camry  2.0  G   ตอบโจทย์เรื่องความประหยัดนอกเมืองเท่าไร จากที่เราขับขี่ไปกว่า   459.2  ก.ม. เราเติมน้ำมันคืนถังไป 34.841 ลิตร และเราดีดตัวเลขอย่างรวดเร็ว เจ้า   Toyota Camry 2.0G   ซดน้ำมันทั้งสิ้น 13.17  ก.ม./ลิตร

 

Toyota Camry 2.0 G  มีดีที่เครื่องยนต์ แต่อย่ามันส์จนลืมว่าแค่ “ตัวหรู”

 

ขับมาหลายต่อหลายวัน.... ต้องยอมรับว่า  Toyota Camry 2.0 G   เป็นรถยนต์ที่เน้นให้การตอบสนองในการขับขี่ได้เกินราคาไม่ใช้เพียงแค่หน้าตาใหม่ แต่มันยังรวมถึงเครื่องยนต์ในรถยนต์คันนี้ที่มีความลงตัวต่อการใช้งาน ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตลอดจนยังมีสมรรถนะที่ดีเกินคาดในขุมพลังรุ่น  2.0  ลิตร

รถทดสอบ  Toyota Camry 2.0 G

แม้ว่าเครื่องยนต์ของ   Toyota Camry  2.0 G   จะถูกเซทมาเป็นอย่างดี แต่ในแง่หนึ่ง สิ่งที่มันไม่ลงตัวในการเดินทางของเจ้าตัวหรูคันนี้คงหนีไม่พ้นระบบกันสะเทือน ซึ่งเซทมาแบบแม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และ ด้านหลังวิศวกรรมเป็นแบบดูอัลลิงค์สตรัท ซึ่งเน้นให้ความนุ่มนวลในการเดินทาง แต่เอาเข้าจริงในหลายจังหวะการขับขี่ที่เครื่องยนต์ขับสนุกอย่างเมามันส์

ระบบกันสะเทือนกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเบรกกันจ้าละหวั่น เนื่องจากถึงทางโค้ง และช่วงล่างของ   Toyota Camry 2.0 G  ก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ตอบสนองในการขับขี่ ที่พร้อมให้คุณห่ามได้ในโค้งไม่ว่าจะปัจจัยจากล้อขอบ  16  นิ้วก็ดี หรือตัวระบบกันสะเทือนที่เน้นความนิ่มนวลในการขับขี่ก็ดี ทำให้มันเป็นอุปสรรคขวางกั้นในการขับขี่ที่บางครั้งต้องยอมกัดฟันกรอดในศึกซิ่งบนถนน ถ้าคุรมีคนม้าท้าทาย

 

ในตัวตน  Toyota Camry 2.0 G   มันคือรถยนต์นั่งซีดานกลางสุดหรูที่แฝงด้วยความสปอร์ต พร้อมให้คุณเดินทางได้ยามต้องแข่งกับเวลา หรือต้องเร่งรีบ แต่กระนั่นต้องพึงสำนึกไว้ว่านี่คือรถยนต์นั่งหรูไม่ใช่รถซิ่ง ซึ่งมันอาจจะดีกว่าในเวอร์ชั่น  Toyota Camry Extremo  ที่เกิดมาเพื่อความสปอร์ตมากกว่า แต่ถ้าเอานิ่มสบายคันนี้แหละ!! ใช่เลย ...

 

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook หรือ ทาง  Fan page ,Twiter (@nattayodc)

 

 

รถทดสอบ   Toyota Camry 2.0 G

ราคาจำหน่าย   1,319,000 บาท

 

สิ่งที่ชอบ >>>  เครื่องยนต์  2.0 ลิตร   6AR-FSE   ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในรถยนต์คันนี้ มันคือรถยนต์ซีดานหรูที่พร้อมให้คุณได้ซิ่ง แถมหน้าตารุ่นใหม่ ก็ดูลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม

 

สิ่งที่ไม่ชอบ >>> ช่วงล่างที่เซทมาค่อนข้างนิ่ม เพื่อเอาใจผู้ใหญ่ มันดีที่นั่งสบายแต่ถ้ายามซิ่งแล้ว ขอให้คุณระวังทางโค้งให้ดี รวมถึงเครื่องเสียงไม่สามารถเชื่อมต่อ  Bluetooth  จากมือถือ ข้อนี้ไม่สามารถให้อภัยได้ จริงๆ นะ

 

สิ่งที่อยากให้มี >>> ระบบช่วงล่างที่ปรับได้ เราเข้าใจ  Toyota นะ ว่าพวกเขาพยายามทำอะไรในรถรุ่นนี้ แต่ให้ตายเถอะบางทีชีวิตมันก็เลือกไม่ได้ ระบบช่วงล่างปรับได้ก็น่าจะดีไม่น้อย

 

คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อ >>> นี่คือรถยนต์ซีดานกลางที่ครบครันด้วยฟังชั้นการขับขี่เพียงพอต่อการใช้งาน และมีเครื่องยนต์  2.0 ลิตร ที่กล้าการันตีว่ามีสมรรถนะที่ดีที่สุดและประหยัดน้ำมันที่สุดในชั่วโมงนี้ ...แถมราคาไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะจับจองเป็นเจ้าของสักครั้ง

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY1696]

5 เรื่องน่าสนใจ